การมาเยือนของผู้หวังดี

“ลูกเทพกำเนิดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ เจ้าก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าลูกเทพทำภารกิจของตัวเองเสร็จก็กลับไปเป็นเทพ”

“ภารกิจของลูกเทพคนก่อนคือการหยุดสงครามแย่งชิงดินแดนระหว่างประเทศ การที่บรรพบุรุษของท่านได้สถาปนาเป็นราชวงศ์คือผลพลอยได้จากการเลี้ยงดูลูกเทพเพคะ”

“ถ้างั้นนี่ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ ภารกิจของลูกเทพครั้งนี้คืออะไรกัน”

“ไม่อาจทราบได้เลยเพคะ”

“บอกแม่นมให้ส่งคนไปบอกท่านแม่ว่าข้าจะเดินทางไปกับท่านด้วย ส่วนคนที่เหลือมาช่วยข้าเตรียมตัว”

“เพคะองค์ชาย”

เวลาโพลเพล่ ณ เซเรส หมู่บ้านชายขอบตระกูลสาขาของไวทูล่า

“ได้ยินมาว่าคืนนี้จะเริ่มการตรวจตราแบบเข้มงวดแล้ว”

“นั่นสิ เป็นการตรวจตราแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วย”

หนุ่มสาวน้อยใหญ่ล้อมวงจิบสุราเล่าข่าวบ้านเมืองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลังจากทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน บ้างก็อุ้มกระเตงลูกมาร่วมด้วย เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดของวัน เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ติดกับเขตรกร้างไร้กฎหมาย การออกมานั่งร่ำสุราในเวลากลางคืนไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยนัก ทุกคนจึงเลือกช่วงเวลาที่ยังพอมีแสงอาทิตย์สาดส่องอยู่

“ที่จริงหมู่บ้านของเราก็มีการตรวจตราภายในอยู่เป็นประจำแต่ครั้งนี้แตกต่างมาก”

“ใช่แล้ว ปกติจะมีแค่ทหารของตระกูลใหญ่ที่คอยรักษาความปลอดภัยให้พวกเราในตอนกลางคืน แต่ครั้งนี้ได้ยินว่าทีมนักล่าจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด”

“เรื่องจริงเหรอท่านผู้ใหญ่”

“นั่นสิท่านผู้ใหญ่ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะถ้าทีมนักล่าเข้ามาจัดการ”

“เป็นอย่างที่ทุกคนได้ยินมานั่นแหละ”

“ว่าแต่ลูกเทพล่ะท่านผู้ใหญ่ ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”

“ไหนๆท่านผู้ใหญ่ก็ไม่มีลูก ท่านเลี้ยงเขาไว้เถอะอย่าให้คนจากวังหลวงมาเอาตัวไปเลย”

“ฉู่!!”

ทุกคนพากันตกใจและเอื้อมมือมาหวังจะปิดปากคนที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่แต่เขากลับไม่กลัวฟ้าดินปัดมือของทุกคนออกและพยายามพูดต่อให้จบ

“เรื่องนี้ใครๆก็รู้ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า”

“เจ้าอยากหัวขาดรึไง”

“ถ้าพูดความจริงแล้วหัวขาด ข้ายอม”

“ใจเย็นๆนะ”

“ถ้าเมื่ออดีตมีคนธรรมดาเลี้ยงลูกเทพแล้วได้สถาปนาเป็นราชวงศ์ เด็กคนนี้ก็กำลังกลายเป็นที่ต้องการของทุกคน ในวังปลอดภัยสำหรับเขาที่สุดแล้ว”

“ไม่ต้องเถียงกัน เด็กคนนี้จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“แม่หมอ”

สิ้นเสียงหญิงในชุดคลุมสีดำทุกคนก็รีบนั่งลงและก้มหัวคำนับเป็นการทำความเคารพ

“นับถือแม่หมอมากกว่าข้าที่เป็นผู้ใหญ่บ้านอีกนะพวกเจ้า”

“ข้าเป็นแม่ใหญ่เจ้านะ ก็ต้องใหญ่กว่าเจ้าอยู่แล้ว”

“ท่านแค่ยืมร่างแม่ใหญ่ข้า แต่ท่านไม่ใช่ซะหน่อย”

“ข้ายืมแล้วยังไงล่ะ ข้าก็ตอบแทนโดยให้เจ้าได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วนี่ไง”

“พวกท่านเถียงกันตั้งแต่ลูกข้ายังไม่คลอดจนลูกข้าโตไปทำงานที่ตระกูลใหญ่แล้วพวกท่านก็ยังไม่เลิกเถียงกันเรื่องนี้อีก”

ชาวบ้านแซวติดตลก พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน 

“สิ่งที่ข้าจะบอกให้พวกเจ้าจำให้ขึ้นใจและพูดให้เหมือนกัน เด็กคนนี้เป็นลูกของผู้ใหญ่บ้านที่เพิ่งคลอดเมื่อคืนนี้ ส่วนเรื่องลูกเทพเป็นข่าวลือที่ตระกูลใหญ่จงใจปลอยเพื่อสร้างกระแส” 

“เข้าใจแล้วแม่หมอ”

“ท่านสะกดจิตพวกเขาเหรอ”

“ก็นิดหน่อย”

หญิงในชุดคลุมสีดำพูดเรื่องน่ากลัวอย่างการสะกดจิตได้หน้าตาเฉย 

“นี่ท่าน ถ้าพวกเขาไม่ทำตามที่ท่านพูดเขาจะความจำเสื่อมเลยนะ”

“ไม่รุนแรงขนาดนั้นหรอกน่า ข้าแค่ฝังความคิดให้พวกเขาแค่นิดเดียวเอง อย่าตื่นตูมไปหน่อยเลย”

พูดจบแม่หมอก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“แม่!”

“ข้าไม่ใช่แม่เจ้า!”

“ตอนนี้เด็กอยู่ไหน!”

“อยู่กับเมียแกไง!”

“แล้วทำไมพวกท่านต้องตะโกนคุยกันด้วยล่ะ”

ชายวัยกลางคนส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะบอกให้ลูกบ้านทุกคนแยกย้ายเข้าบ้านกันรวมถึงตัวเขาด้วย เนื่องจากตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว และทีมนักล่าก็เริ่มออกประจำจุดตรวจ

ณ บ้านผู้ใหญ่

“ที่รัก! เด็กอยู่ที่นี่เหรอ?!”

“อย่าเสียงดังสิลูกหลับอยู่นะ”

“ลูกเหรอ?”

“เจ้าลืมว่าเรามีลูกด้วยกันได้ยังไง ข้าเพิ่งคลอดเมื่อคืนนี้เองนะ”

“ยัยแก่แม่มดนั่นสะกดจิตเมียข้าด้วยเหรอเนี่ย!”

“บอกว่าอย่าเสียงดังไง วันนี้แยกห้องนอนเลยนะถ้ายังพูดไม่รู้เรื่อง”

“จ้าเมียจ๋า ไม่เสียงดังแล้วจ้า”

กลางดึก ณ ประตูทางเข้าหมู่บ้านด้านหน้า มีรถม้าลึกลับเคลื่อนตัวมาจอดสนิทอยู่ที่ด่านตรวจก่อนเข้าหมู่บ้าน ทีมนักล่าที่ได้รับมอบหมายเห็นดังนั้นจึงเข้าไปสอบถามตามที่หัวหน้าอาเนออสกำชับ

“จากตระกูลไหนครับ รถม้าไม่เห็นมีตราเลย”

หลังจากสมาชิกทีมนักล่าเฝ้าถามอยู่นานสองนานก็ไม่ได้คำตอบจากทั้งคนขับรถม้าและคนข้างในรถม้า เขาจึงล้มเลิกความพยายามและกลับไปเฝ้าประตูตามเดิมพร้อมกับรายงานสถานการณ์ให้ไซเลนที่เป็นรองหัวหน้าทีมรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่นานหัวหน้าทีมอาเนออสก็มาถึงที่ประตูด้านหน้า ขณะกำลังสอบถามสถานการณ์จู่ๆร่างคนขับรถม้าก็ร่วงลงพื้นอย่างแรงทำให้ทหารและทีมนักล่าที่ประจำอยู่บริเวณนั้นเข้าล้อมรถม้าทันที พร้อมหัวหน้าอาเนออสที่เข้าไปตรวจสอบร่างที่ร่วงลงมาปรากฏว่าร่างนั้นกลายเป็นศพไปซะแล้ว และสถานการณ์ก็ตรึงเครียดขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อหัวหน้าอาเนออสบุกตรวจข้างในรถม้าพบว่ามีศพอัดแน่นอยู่เต็มคัน 

“ส่งคนไปบอกให้ไซเลนดำเนินการตามแผนได้เลย”

“ครับท่านอาเนออส”

เวลาล่วงเลยผ่านไปพักใหญ่และแล้วไซเลนก็ส่งข่าวกลับมาว่าจับกลุ่มคนลึกลับได้กลุ่มหนึ่งกำลังเค้นความจริงอยู่ หัวหน้าอาเนออสจึงออกคำสั่งให้ส่งศพไปให้กลุ่มนักล่าที่เมืองหลวงตรวจสอบและกระจายกำลังคุมทุกจุดที่สามารถแทรกซึมเข้าหมู่บ้านมาได้พร้อมกับให้กำลังบางส่วนไปตรวจสอบตามบ้านว่ามีบ้านไหนผิดปกติหรือไม่ก่อนจะกลับไปหาไซเลนเพื่อเค้นเอาความจริงด้วยตัวเอง

“พวกเจ้ารู้ใช่มั้ยว่าที่หมู่บ้านนี้มีแม่มด ถ้าไม่อยากพูดกับพวกเรา เรียกแม่มดมาคุยดีมั้ย”

“. . .”

“ไม่จำเป็นหรอกไซเลน แค่เอาเลือดสัตว์ทาตัวพวกนี้แล้วมัดใส่รถให้ม้าลากเข้าป่าไป ก็ได้คำตอบแล้ว”

“ยังไงท่านอาเนออส ทำแบบนั้นพวกนี้ก็กลายเป็นอาหารสัตว์ป่าน่ะสิ”

“ใช่ อาหารสัตว์ป่าน่ะเป็นประโยชน์ที่สุดที่พวกมันจะทำได้แล้ว”

“เรายังไม่รู้เลยนะท่านว่าใครส่งพวกนี้มา”

“ข้ารู้นานแล้ว พวกมันเป็นคนของตระกูลเอคูอัสที่เป็นพันธมิตรกับคาปราและไทกริส”

“แกรู้ได้ยังไง!”

“นักฆ่ารับจ้างที่พอมีฝีมือในประเทศนี้ก็มีไพธอนกับเอคูอัส แต่ถ้าเป็นไพธอนคงไม่โดนจับได้ไวขนาดนี้หรอก อีกอย่างไพธอนน่ะเป็นพันธมิตรกับพวกเรา ไซเลนไปเอาเลือดมา” 

สามวันต่อมา

"เมื่อวานนี้พ่อค้าร้านเนื้อเล่าให้ฟังว่าตอนไปล่าสัตว์ในป่าเขาเจอกองซากเศษเนื้อเศษกระดูกเต็มเลยและที่สำคัญมันเป็นกระดูกของคน!" 

"ทีมนักล่าคงจะให้อาหารสัตว์กันอีกล่ะมั้ง ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้"

"แต่คราวนี้ไม่ปกติ พ่อค้าร้านเนื้อบอกว่าแม้แต่กระดูกยังแตกละเอียด ถ้าไม่ใช่คนที่เห็นกระดูกสัตว์ทุกวันคงแยกไม่ออก"

"ขนาดนั้นเลยเหรอ ตัวอะไรกันนะ"

"นี่พวกเจ้า! ข้ามีข่าวใหญ่มาบอก!"

แม่บ้านวัยเกือบเกษียรคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาด้วยความรีบร้อนจะแจ้งข่าวที่ตัวเองไปรู้มา แต่ก็ต้องหยุดพักหอบหายใจก่อนที่จะได้พูดอะไร

"เอ้าใจเย็นก่อน มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจา เออว่าแต่วันนี้ผู้ใหญ่บ้านไม่มาร่วมวงกับพวกเราหรือไง"

"นั่นแหละๆ เรื่องที่ข้าจะมาบอก โอ้ยเหนื่อย!"

"เรื่องอะไรล่ะแม่เอ้ย ค่อยๆพูดเดี๋ยวไม่ได้เรื่องได้ราว"

"ท่านผู้ใหญ่ๆ"

"ท่านผู้ใหญ่ทำไมรึ"

"ศาลา...ศาลากลางน้ำ"

"ศาลากลางน้ำมีอะไร ข้าฟังเจ้าไม่รู้เรื่อง"

"ข้าเห็นท่านผู้ใหญ่กับหัวหน้าอาเนออส กำลังรับเสด็จราชินีและองค์ชาย อยู่ที่ศาลากลางน้ำ!"

"ว่ายังไงนะ! ราชินีเสด็จ!"

ณ ศาลากลางน้ำ 

"อะ...เอ่อ ราชินีพะยะค่ะ"

"ถ้าท่านผู้ใหญ่บ้านไม่สะดวกข้าก็ไม่ถือสา เชิญตามสบายเถอะคิดซะว่าข้าเป็นคนในครอบครัว"

"เชิญเสวยผลไม้ตามฤดูกาลของหมู่บ้านเราพะยะค่ะราชินีวีน่า"

"ท่านอาเนออส เจ้าไม่เข้าวังนานข้าเข้าใจดี ตามสบายเถอะ"

"ครับราชินี"

หญิงสาวยกมือขึ้นบังปากพรางหัวเราะเบาๆ

"ว่าแต่ชาวบ้านหายไปไหนกันหมดเหรอ เห็นแต่ทหารกับทีมของหัวหน้าอาเนออส"

"เวลานี้คงจะกำลังประชุมกันอยู่น่ะขอรับ"

"ท่านผู้นี้คือใครกัน"

"ข้าพามาด้วยเพราะเห็นว่าเป็นคนใช้ได้คนนึงขอรับ"

"เจ้าอย่าล้อข้าเล่นสิหัวหน้าอาเนออส ท่านยังสั่งสอนสมาชิกโหดเหี้ยมเหมือนเดิมอยู่มั้ย"

"โหดเหี้ยมสุดๆ...อะ อะ โอ้ยยย!"

พูดยังไม่ทันจบประโยค สมาชิกนักล่าคนดังกล่าวก็โดนหัวหน้าทีมบิดหูแล้วลากออกไปจากวงสนทนา

"อย่าใช้ความรุนแรงต่อหน้าราชินีสิครับหัวหน้าอาเนออส"

ผู้ใหญ่บ้านที่ยืนดูเหตุการณ์มาพักหนึ่งพูดปรามขึ้นก่อนที่จะมีคนเลือดตกยางออกไปมากกว่านี้ สิ้นคำพูดของชายวัยกลางคนหัวหน้าอาเนออสก็หยุดลงมือก่อนจะหันไปสั่งให้สมาชิกคนอื่นมาพาตัวสมาชิกผู้โชคร้ายกลับไปที่ตั้ง

"ข้าขอเสียมารยาทพูดตรงๆเลยนะราชินีวีน่า"

"ได้สิ" 

ผู้ใหญ่บ้านวางมือบนไหล่ของหัวหน้าอาเนออส เป็นการส่งสัญญานถามนัยๆว่าคิดดีแล้วใช่มั้ย ก่อนจะตบเบาๆสองสามทีเพื่อบอกว่าไม่ว่าจะตัดสินใจยังไงทุกคนจะอยู่ข้างท่าน

"ท่านมีธุระอะไรกับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้หรือขอรับราชินีวีน่า"

"ท่านก็เป็นทางการเกินไปหัวหน้าอาเนออส แม่นมพาองค์ชายไปเดินเล่นดูหมู่บ้านก่อนสิจ้ะ อยู่แต่ที่นี่เดี๋ยวจะเบื่อเอา"

"เพคะราชินี"

"แต่ข้าชอบตรงนี้"

"เป็นเด็กดีนะจ้ะ"

"ครับท่านแม่"

พูดจบองค์ชายน้อยก็เดินคอตกออกจากศาลาไปโดยมีแม่นมและสาวใช้พี่เลี้ยงเดินตามออกไปด้วย 

"ถามมาซะตรงขนาดนั้น งั้นข้าจะไม่อ้อมค้อมละนะ ข้ามาที่นี่เพราะข่าวการกำเนิดของลูกเทพ"

"ลูกเทพ?"

"ท่านไม่ต้องอ้อมค้อมหรอกหัวหน้าอาเนออส เด็กอยู่ที่นี่จะไม่ปลอดภัย ข่าวนี่แพร่ไปทั่วประเทศแล้ว อยู่กับข้าเด็กจะปลอดภัยที่สุด"

"ท่านหมายความว่ายังไง ลูกเทพอะไรกัน"

"เมื่อคืนนี้มีลูกเทพถือกำเนิดขึ้นที่นี่"

"ลูกเทพน่ะไม่มีหรอก ที่คลอดเมื่อคืนมีแต่ลูกผู้ใหญ่บ้าน จะไปเยี่ยมหน่อยมั้ยล่ะขอรับ"

"ข้าไป!"

"ข้าตั้งตารอของรับขวัญจากราชินีเลยนะเนี่ย"

หัวหน้าอาเนออสพยักหน้าให้ผู้ใหญ่บ้านสายตาบอกว่าไม่เป็นไรข้ารับมือได้วางใจเถอะก่อนจะพากันเดินนำราชินีวีน่าไปที่บ้านผู้ใหญ่โดยราชินีได้ขึ้นนั่งบนรถม้าตามหลังไปไม่ห่างพร้อมด้วยทหารรักษาพระองค์อีกหลายนาย ระหว่างทางพบว่าไม่มีชาวบ้านออกมาต้อนรับเลยสักคนทำให้ราชินีและคณะทหารแปลกใจเป็นอย่างมาก 

"ท่านผู้ใหญ่บ้าน ลูกบ้านท่านหายไปไหนกันหมดเหรอ ทำไมหมู่บ้านเงียบแบบนี้ล่ะ" 

"ชาวบ้าน…"

พูดไม่ทันจบผู้ใหญ่บ้านก็โดนหัวหน้าอาเนออสพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน

"ชาวบ้านทำงานมาเหนื่อยๆทั้งวัน เวลานี้ก็คงเตรียมตัวเข้านอนกันแล้วล่ะมั้ง"

"เวลานี้น่ะเหรอ?"

"เวลานี้แหละ ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเราเป็นหมู่บ้านเล็กๆชายขอบประเทศ ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ชาวบ้านก็หาเช้ากินค่ำ ต้องนอนเร็วๆจะได้มีแรงตื่นเช้าๆไปทำงานหาเงินไง"

"ตระกูลที่รวยอันดับหนึ่งพูดแบบนี้ได้เหรอ"

"นั่นตระกูลใหญ่ พวกเราก็แค่ตระกูลสาขา"

"ไม่จริงสักนิด"

ราชินีพึมพำกับตัวเอง ไม่นานรถม้าก็หยุด 

"ถึงแล้วพะยะค่ะราชินี"

"ผู้ใหญ่บ้านนำทางราชินีดีๆนะ"

"แล้วท่านจะไปไหนหัวหน้าอาเนออส"

"พอดีสมาชิกทีมส่งข่าวมา มีอะไรต้องไปตรวจสอบนิดหน่อย ขอตัวนะท่านผู้ใหญ่"

พูดจบก็เดินจากไปโดยไม่ร่ำลาราชินี ปล่อยให้เธอยืนอึ้งค้างอยู่ครู่ใหญ่ที่มีคนกล้าไร้มารยาทกับราชวงศ์ได้ถึงขนาดนี้

"เชิญพะยะค่ะราชินี"

"พูดเป็นกันเองเถอะท่านผู้ใหญ่ ดูอย่างหัวหน้าอาเนออสสิ เป็นกันเองจนไม่เห็นหัวข้าแล้ว"

"ขออภัยแทนเขาด้วย ข้าน้อยจะตักเตือนให้"

"ไม่โทษเขาหรอกข้าอนุญาตเอง ไปเถอะ ข้าอยากเห็นหน้าลูกเจ้าแล้ว"

"ท่านผู้ใหญ่ เจ้าพาใครมาน่ะเสียงดังเชียว ถ้าหลานข้าตื่นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ"

"แม่หมอ"

"ท่านนั่นเอง แม่มดที่ทุกคนพูดถึง ชื่อเสียงเรียงนามขจรไกลยิ่ง เด็กน้อยบางคนรู้จักท่านก่อนข้าซะอีก"

"แน่นอนสิ เจ้าควรส่องกระจกดูตัวเองด้วยนะก่อนจะยกตัวเทียบข้า"

"แม่!"

"ใครแม่เจ้า ข้าบอกแล้วใช่มั้ยอย่าเสียงดัง"

"ข้าผิดไปแล้ว"

"ข้าแค่มาเยี่ยมคุณชายน้อยพร้อมนำของรับขวัญมาให้เท่านั้น แม่เฒ่าโปรดอนุญาตด้วย"

"ข้ายังไม่แก่ อีกอย่างข้ารู้เจตนาที่แท้จริงของเจ้าตั้งแต่รถม้าเข้ามาในเขตหมู่บ้านแล้ว"

"ถ้างั้นก็คุยกันง่ายหน่อย"

"ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เด็กคนนี้เป็นลูกหลานข้าข้าดูแลเองได้ไม่ลำบากให้เจ้ามาห่วงหรอก"

"ข้าหวังดีกับเขาจริงๆนะ"

"หวังดีก็ส่วนหวังดี แต่นี่ไม่ใช่ธุระของเจ้า"

"เขาจะปลอดภัยและมีชีวิตที่ดีกว่าถ้าอยู่ในวัง"

"งั้นทำไมข้าไม่ไปหาเจ้าตั้งแต่แรกล่ะ คิดออกมั้ยเจ้าหญิง"

"นางเป็นราชินีนะ"

"ราชินีน้อยเอ่ย เจ้าจงอยู่ให้สบายใจเถิด ที่ผ่านมาทำยังไงกับหมู่บ้านแห่งนี้ก็ทำแบบนั้นต่อไปเถอะ"

พูดจบแม่หมอก็เดินกลับเข้าไปในห้องที่คาดว่ามีเด็กทารกน้อยกำลังนอนหลับอยู่ โดยทิ้งให้ราชินีผู้มีตำแหน่งสูงที่สุดในประเทศรองจากพระราชายืนหน้าชาจากการโดนพูดถากถาง

"นางไม่น่าใช่แม่ของท่านนะท่านผู้ใหญ่ ข้าว่าน่าจะเป็นแม่ของหัวหน้าอาเนออสมากกว่า"

ชายวัยกลางคนถึงกับหัวเราะแห้งกับคำพูดของหญิงสาวและสิ่งที่เกิดขึ้น

"ข้าฝากสิ่งนี้ไว้ให้ทารกน้อยเป็นของรับขวัญเล็กๆน้อยๆ เมื่อใดที่พวกเจ้าเปลี่ยนใจต้องการให้เขาเข้าวังหรือต้องการความช่วยเหลือ นำสิ่งนี้ไปแสดงที่วังเจ้าจะได้ตามต้องการทุกอย่าง วันนี้ข้าสนุกมาก ขอตัวก่อน หวังว่าจะได้เจอกันอีก...ในเร็วๆนี้"

ณ ประเทศบริทาเนีย ประเทศเพื่อนบ้านของประเทศแอสทรัมที่มีผู้ใช้พลังพิเศษอาศัยอยู่ ปกครองโดยราชวงศ์บริเทียน่าที่เก่าแก่ และบริหารจัดการบ้านเมืองโดยนายกรัฐมนตรี ราชวงศ์ได้ประกาศวางมือเลิกยุ่งเกี่ยวกับการบริหารประเทศแต่จะยังคงจัดการคัดเลือกและแต่งตั้งคณะบริหารด้วยตนเอง เป็นประเทศที่เทคโนโลยีทันสมัยกว่าแอสทรัมเป็นอย่างมาก ก้าวไกลถึงขั้นสร้างประตูมิติและเดินทางผ่านอวกาศไปสู่ดาวดวงอื่นได้ 

"โปรเจกส์ใหญ่ไปถึงไหนแล้ว?"

"ใกล้แล้วครับท่าน เหลือการทดสอบขั้นตอนสุดท้ายก็จะเปิดประตูได้อย่างสมบูรณ์แล้วครับ"

"ดีมาก ทีนี้แหละ 'โร้ดทูไลท์' ก็จะเป็นจริงสักที"

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!