Ep. 15
"อะไรเนี่ย..อีกแล้วหรอ?!!" ฉันหยิบซองจดหมายสีขาวที่มีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแปะอยู่ตรงหน้าซองชูขึ้นแล้วถามคนที่เพิ่งเปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเงยหน้ามองตามสิ่งที่อยู่ในมือฉันแล้วตอบรับกลับมานิ่งๆ อยากรู้เหลือเกินว่าวันๆหนึ่งเขาได้รับจดหมายจากแฟนคลับคนนี้กี่ฉบับกัน แทบจะทุกครั้งที่เขาออกไปข้างนอกเลยมั้งและเขาก็ถือซองจดหมายเข้ามาด้วยแบบนี้ตลอด แต่แฟนคลับคนนี้ก็แปลกคนนะว่ามั้ย ถ้าชอบขนาดนี้ทำไมถึงไม่ออกมารอเจอเขาล่ะ ขอถ่ายรูปหรือขอลายเซ็น จับมือ กอด อะไรแบบนี้เหมือนแฟนคลับทั่วไป คิดดูสิ! ถ้าเป็นฉันแล้วละก็ ลองได้มีโอกาสเจอเยจุนอ้บป้าสามีมโนของฉันแบบตัวเป็นๆสักครั้งนะ ฉันจะวิ่งไปขอถ่ายรูป ชูสองนิ้วยิ้มให้แก้มฉีกแล้วเอียงแก้มซบอกฟินๆ กรี๊ดจนเสียงแหบแห้งแล้วยืนโบกมือส่งเขาขึ้นรถกลับบ้านแต่กับแฟนคลับของเขาคนนี้กลับทิ้งไว้ให้แค่จดหมายที่บางทีก็ซุกซ่อนไว้ตามเบาะรถบ้างหล่ะ กระจกหน้ารถบ้างหล่ะ ไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะเคยเจอแฟนคลับคนนี้บ้างรึเปล่า..
"ครับ.."
"แล้วนายไม่เปิดดู?"
"ผมบอกคุณแล้วไง..ว่าทุกฉบับมันเขียนเหมือนเดิม หรือคุณอยากจะเปิดดูก็ได้นะครับ ผมไม่หวง"
"นี่หยุดยิ้มแบบนั้นได้แล้วน่า..ฉันก็แค่สงสัย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอยากจะเปิดดูซะหน่อย"
"หรอครับ? ผมนึกว่าคุณกำลังหึงที่มีคนส่งจดหมายให้ผมบ่อยๆซะอีก"
พลั่กกกก!!!
ฉันกระแทกวางซองจดหมายลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียงที่เขาวางมันไว้ก่อนหน้านี้ตามเดิม แล้วเดินหนีออกไปที่ห้องนั่งเล่น ปล่อยให้เขาได้แต่งตัวใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพราะนายนั่นเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เมื่อกี๊ที่ยืนคุยกันก็ยังอยู่ในสภาพที่ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้แค่ผืนเดียว ฉันเองก็พยายามอย่างมากที่จะมองแค่หน้าเขาเวลาที่สนทนากันด้วยแต่มันก็มีแว๊บๆบ้างแหละที่ เอ่อ... แอบมองต่ำกว่าหน้าเขาน่ะ แหม..ก็ซิกแพคก้อนแน่นขนาดนั้น แถมยังร่องวีเชฟตรงส่วนเอวหนานั้นที่ทำให้ใจของฉันมันสั่นและเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้กับอะไรๆที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าขนหนูนั่นอีก -/////- 'อะไรของเธอเนี่ยยย เมษา!! ไม่เอา! ไม่ได้เด็ดขาด ห้ามคิดนะ!! เลิกคิดเดี๋ยวนี้นะยัยบ๊องเมษาเอ๊ย..' ฉันถอนหายใจแล้วช้าๆเป่าลมออกจากปากแรงๆอย่างพยายามที่จะควบคุมความคิดและจินตนาการด้านมืดของตัวเอง
"ดูซีรีย์ดีกว่า" ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วคว้ารีโมทมาเปิดซีรีย์ดูเผื่อมันจะช่วยลบภาพเขาที่พันผ้าเช็ดตัวออกจากหัวฉันได้บ้าง และยังมีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกเขาภายในคืนนี้ แต่ว่าจะเริ่มคุยยังไงดีล่ะ นั่นแหละคือปัญหาที่ทำให้ฉันหนักใจอยู่ในตอนนี้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ฉันนั่งจมอยู่กับความคิดตัวเอง จนกระทั่งการสัมผัสพร้อมกับแรงบีบเบาๆที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของฉัน ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์แล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนซ้อนหลังโซฟาที่ฉันนั่งพิงอยู่
"เรื่องนี้สนุกมั้ยครับ?"
"อ๋อ อื้ม..สนุกดี"
พรึ่บบบบบ
"งั้นผมขอดูด้วย" เขาเดินอ้อมมานั่งลงข้างๆฉันแล้วคว้ามือฉันไปกุไว้ที่หน้าตักของตัวเอง ตอนแรกฉันกะจะดึงออกแต่สุดท้ายก็หยุดความคิดแล้วปล่อยให้เขากุมเอาไว้อยู่อย่างนั้น แล้วต่างคนก็ต่างมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกำลังให้สนใจซีรีย์ในจอทีวีนั้นนักหนา แต่ไม่ใช่เลย สำหรับฉัน..กำลังคิดเรื่องที่จะย้ายออกไป ว่าจะเริ่มยังไงดี ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยด้วยซ้ำแต่ทำไมฉันรู้สึกว่ามันพูดยากเหลือเกิน หรือเป็นเพราะฉันเองที่ไม่ยากไปเลยรู้สึกลำบากที่จะพูดมันออกมา
"แดเนียล..."
"ครับ" เขาหันมามองสบตากับฉันแล้วฉีกยิ้มกว้างส่งให้ แต่บางทีนายนี่อาจจะดีใจก็ได้ถ้าได้ยินสิ่งที่ฉันบอกออกไป เขาอาจจะอยากให้ฉันออกไปตั้งนานแล้วก็ได้ ใครจะรู้ ก็ฉันมาอยู่นี่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลย จะให้เงินนายนี่ก็ไม่ยอมรับไว้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันสามารถตอบแทนเขาได้ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ระหว่างหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คือช่วยเก็บกวาดห้องให้เขา ทำความสะอาดเล็กๆน้อยๆที่ฉันพอจะทำได้ก็แค่นั้น
"พรุ่งนี้..ฉันจะย้ายออกไปนะ"
"เฮ้อออออ ผมคงบังคับให้คุณอยู่ต่อไม่ได้ในเมื่อใจคุณอยากไปจากผมตั้งแต่แรกอยู่แล้วใช่มั้ยครับ?"
"นายหมายความว่าไง?"
"ผมรู้ว่าผมห้ามคุณไม่ได้หรอกเมษา แต่ขออะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย แค่อย่างเดียว" น้ำเสียงเศร้าๆบวกกับสีหน้าซึมๆของเขาทำให้ฉันพยักหน้าลงแล้วเก็บสิ่งที่ฉันจะพูดเอาไว้ก่อนเพื่อจะฟังสิ่งที่เขาอยากพูด เพราะฉันเองก็อยากรู้ในสิ่งที่เขาจะขอเหมือนกัน
"ในหนึ่งอาทิตย์ผมขอให้คุณค้างกับผมที่นี่หกวันได้มั้ยครับ?" หึหึ
"แต่หนึ่งอาทิตย์มันมีแค่เจ็ดวันนะแดเนียล.."
"งั้นห้าวันก็ได้"
"แล้วนายจะให้ฉันนอนที่นั่นแค่สองวันเนี่ยนะ?!"
"งั้นสี่วัน โอเค้? สี่คืนขาดตัวไม่มีต่อรอง โอเค..ตกลงตามนี้นะครับที่รัก"
"ใครที่รักนาย ห้ามเรียกแบบนี้อีก แล้วถ้ามีเวลาก็ช่วยไปส่งฉันด้วย เพราะฉันบอกคุณเอวาไว้แล้วว่าจะย้ายไปภายในพรุ่งนี้" ชิ!! ทำไมฉันต้องหลุดยิ้มด้วยที่ได้ยินสิ่งที่นายนี่พูด ฉันก็แกล้งทำงอแงไปงั้นแหละที่จริงก็เต็มใจกับขอเสนอของเขาอยู่แล้ว ถึงแม้คนที่มีแต่เสียกับเสียจะเป็นฉันก็เถอะ
"พรุ่งนี้ผมก็มีงานตอนสิบโมง ไปส่งคุณด้วยก็ได้แต่คงต้องออกเช้าๆหน่อย เพราะดี๋ยวไม่ทัน"
.......................................................................
เช้าวันต่อมา
"คุณเอาเสื้อผ้าออกมาทั้งหมดเลยหรอ?" เขายกกระเป๋าฉันลงจากรถแล้วถามหน้าเครียด ตอนนี้เรามาถึงที่โรงแรมแล้ว
"เปล่า...จะเอามาหมดทำไมล่ะ ต้องนอนที่นั่นเยอะกว่านอนที่นี่อีก แล้วจะขนมาเยอะแยะให้ลำบากทำไม" พอพูดจบนายนี่ก็ยิ้มแฉ่งจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง แล้วยื่นมือมาบีบแก้มฉันเบาๆก่อนจะจูงมือฉันเดินเข้ามาด้านใน อีกมือก็หิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของฉันเอาไว้ด้วย
"มีอะไรโทร.หาผมได้ตลอดนะครับ"
"อื้มมม ขอบใจนายมากนะที่มาส่ง" เมื่อเก็บกระเป๋าในห้องเสร็จแล้วก็เดินมาส่งเขาที่ห้องโถงล็อบบี้ของโรงแรม หลังจากนี้คุณเอวาก็จะมารับฉันไปส่งที่โรงเรียนสอนภาษาต่อ
"เสร็จงานแล้วเดี๋ยวผมจะมารับไปกินข้าว"
"อื้อออ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก ตั้งใจทำงาน.."
"ครับผม.."
ฟอดดดดด!!!
"แดเนียล!!! นี่นาย...เอาอีกแล้วนะ!!" ฉันหลุดโวยวายเสียงดังเพราะโดนนายนี่ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มเร็วๆ แต่ก็ต้องรีบเอามืออุดปากตัวเองไว้เพราะตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่ฉันกับนายนี่แค่สองคน แต่พนักงานของโรงแรมก็อยู่ด้วย ชอบนักหรอ..ตกเป็นเป้าสายตาประชาชีเนี่ย! เมื่อไล่อีตาแดเนียลไปขึ้นรถและรอจนขับออกไปฉันก็เดินขึ้นมาบนห้อง
สามชั่วโมงต่อมา
โรงเรียนสอนภาษา A.K.
พลั่กกกกกกก!!!
"ขอโทษค่ะ" ฉันผลักประตูเข้ามาแล้วมองหาที่ว่างเพื่อจะนั่ง แต่สายทุกของทุกคนในห้องก็ต้องจับจ้องมาที่ฉันเพราะ..ฉันมาเข้าเรียนสาย เป็นห้องเรียนที่ไม่ได้กว้างจนเกินไปและทั้งห้องมีนักเรียนอยู่แค่ประมาณแปดคน ที่จริงแล้วตึกนี้มีหลายห้องและหลายคลาสที่ต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าระดับภาษาของแต่ละคนควรอยู่ที่ห้องไหน และฉันได้ลงห้องนี้ น่าจะมาจากผลการสอบที่ทำไปวันก่อนตอนที่มาดูโรงเรียนพร้อมกับคุณเอวาตอนนั้นล่ะมั้ง และฉันเล็งที่ไว้แล้ว จะเรียกว่าเล็ง..ก็คงไม่ถูก ก็มันเหลือที่ว่างอยู่แค่ที่เดียวนี่นาก็คงต้องนั่งที่นั่นอยู่แล้ว ที่ว่างข้างผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มผมสั้นประบ่าคนนั้น ดูเด็กกว่าฉันอยู่หลายปีเลยนะ และดูไม่เหมือนคนต่างชาติด้วย แต่ถ้าเป็นคนเกาหลี เธอจะมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน?
"เอ่อ..ฉันนั่งตรงนี้ได้มั้ยคะ?"
"ค่ะ.." เธอตอบนิ่งๆแล้วหันไปสนใจกระดานตรงหน้าต่อ ไม่มียิ้มหรือโค้งหัวให้สักนิดและสายตาของเธอเหมือนไม่ค่อยไว้ใจฉันด้วย จากที่คิดว่าจะชวนคุยเพื่อให้หายเกร็งและเพื่อสร้างความสัมพันธ์แสดงความเฟรนด์ลี่สักหน่อยก็ต้องนั่งนิ่ง ปิดปากเงียบเพราะดูๆแล้วเหมือนว่าเธอไม่ค่อยอยากจะคุยกับฉันเท่าไหร่เลยนี่นา เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วฉันเองก็หยิบสมุดจดกับปากกาออกมาตั้งใจเรียนบ้าง
ใช้เวลาเรียนทั้งหมดหกชั่วโมงในหนึ่งวันและไม่ใช่เรียนแค่ภาษาเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทุกอย่างของประเทศเกาหลีด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะพอพูดได้บ้างแต่พอได้มาเรียนจริงจังแบบนี้ก็มีแอบมึนอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ไปๆมาๆก็เริ่มตามไม่ทันแล้วแฮะว่าตอนนี้ซอนแซงนิมกำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ สายตาก็ได้แต่แอบเหล่คนโน้นบ้างคนนี้บ้าง ถ้าฉันจะลองถามเธอที่นั่งข้างๆฉันดู จะเป็นรบกวนเกินไปมั้ยนะ..
"เอ่อ.. ขอโทษนะคะ เมื่อกี๊ที่ซอนซองนิมพูดหมายถึงอะไรนะคะ? ฉันจับไม่ทันเลย" เธอมองหน้าฉันแบบตกใจนิดหน่อยก่อนจะทำหน้านิ่งตามเดิม แล้วก็เงียบสนิทไม่มีเสียงอะไรตอบมา จนถึงตอนนี้ต่อให้ด้านขนาดไหนก็ด้านต่อไปไม่เป็นแล้วแหละ หมายถึงหน้าฉันเนี่ย.. เธอคงไม่อยากคุยกับฉันจริงจัง ฉันยิ้มมุมปากพร้อมกับก้มหัวให้นิดหน่อยเพื่อเป็นขอโทษที่รบกวน เพราะบางทีเธออาจจะกำลังใช้สมาธิอยู่ก็ได้
"ซอนแซงนิมกำลังบอกว่า......" ฉันที่กำลังก้มหน้าจดตามที่สมองน้อยๆของฉันพอจะจับใจความได้ จู่ๆเสียงใสๆของผู้หญิงก็ดังขึ้นที่ใกล้ๆหู ฉันเงยหน้ามองก็เห็นเธอยิ้มให้แล้วอธิบายต่อช้าๆเป็นภาษาที่ช่วยให้ฉันเข้าใจง่ายขึ้น บางทีที่ฉันสอบได้ลงเรียนห้องนี้มันอาจจะมีข้อผิดพลาดอะไรสักอย่างแหละ T^T
******* to be continued
ช่วงนี้ไรท์ไม่มีเวลา จริงๆอยากอัพให้ได้อ่านมาก แต่ก็พยายามเจียดเวลาว่างมาเขียนให้ได้อ่านกันที่จริงตอนนี้เขียนมาสองวันแล้ว แต่ไม่เสร็จซักทีเพราะมีเวลาน้อยมากจริงๆ ขออภัยด้วยนะเจ้า ถ้าหากว่าอาจจะดูงงๆหรือมีข้อผิดพลาดก็ขอโทษด้วยนะคะ ไว้ดึกๆถ้ามีเวลาจะมาแก้คำผิดให้นะจ๊ะ รักเสมอนะจุ๊บๆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 42
Comments