Ep. 2
"คุณแม่ขา หนูพริ้งอยากกินไอติมช็อคโกแลตอีก"
"แต่หนูกินไปแล้วหนึ่งก้อนไงคะลูก วันนี้พอแล้วค่ะ" ฉันนั่งมองเด็กหญิงตัวน้อยที่เบหน้าเตรียมตัวจะร้องไห้เมื่อโดนคุณแม่ขาของแกปฏิเสธไม่ให้กินไอศกรีมอีก
"หนูพริ้ง หนูพริ้งไม่ต้องร้องนะ ถ้าหนูพริ้งเป็นเด็กดีเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เสือจะซื้อให้กินอีกโอเคมั้ย?" แล้วเด็กชายที่ตัวโตกว่าก็เดินเข้ามาลูบหัวพร้อมกับเอ่ยคำที่ทำให้ผู้ใหญ่ได้ยินแล้วถึงกับเผลอยิ้มออกมา
"ซื้อให้ยูริด้วยนะคะพี่เสือ!"
"ครับ พี่เสือจะซื้อให้ทุกคนเลย!"
"เย้ๆ/เย้ๆ!" หนูพริ้งปีนลงจากเก้าอี้ก่อนที่เด็กหญิงทั้งสองก็จับมือกันไว้แล้วพากันกระโดดหมุนตัวไปมาด้วยความดีใจที่พี่เสือของพวกแกจะซื้อไอศกรีมให้ถ้าหากพวกแกเป็นเด็กดี
" ชู่~~~ หนูพริ้งคะ.. พอแล้วค่ะ เสียงดังเกินไปแล้วนะคะ"
"ยูริก็กลับมานั่งที่เร็วลูก" พอได้ยินเสียงทั้งสองแม่ดุ หนูพริ้งก็หยุดกระโดดแล้วยกมือป้อมๆขึ้นปิดปากไว้ทันที ส่วนหนูน้อยยูริก็รีบวิ่งกลับไปหาแม่ของแกแต่ทว่าไม่ได้กลับไปนั่งตามคำที่แม่บอก แต่กลับเดินตรงเข้าไปหาพี่ชายฝาแฝดที่นั่งขรึมอยู่แทนพร้อมกับเอ่ยออกมา
"พี่ยูโร ไม่ต้องร้องนะเดี๋ยวยูริจะบอกพี่เสือให้ซื้อไอติมช็อคโกแลตให้พี่ยูโรด้วยดีมั้ย?^^"
"พี่ไม่ชอบกินของหวาน" แต่คำตอบจากเด็กชายยูโรทำให้พวกฉันทั้งสี่คนหลุดขำออกมากับหน้าตาและท่าทางนิ่งๆขรึมๆนั่น และคำพูดนิ่งๆที่ปฏิเสธน้องสาวออกมา
"ฮ่าๆๆ พี่ยูโรลูก เหมือนพ่อจังเลย"
"ใช่.. เหมือนคุณมังกรมากเลยอ่ะ ทั้งหน้าตาแล้วก็ท่าทางด้วย" ยัยเรนนี่กับยัยพริ้มเพราพูดออกมาแล้วมองดูเด็กๆสามสี่คนด้วยสายตาเอ็นดู ตอนนี้พวกฉันอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก็นัดเจอกันตามปกติที่เมื่อมีโอกาส เพื่อนฉันซึ่งเป็นคุณแม่แล้วทั้งสามคนตอนนี้ก็ผันตัวมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ส่วนฉันก็ยังอยากทำงานอยู่ ฉันชอบนะที่ได้ทำงานที่ฉันรักได้เจอหนุ่มๆหล่อๆเอ๊าะๆ เห็นแล้วมันกระชุ่มกระชวยหัวใจดี ฮ่าๆๆๆๆ
"เมษา.. แกยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆหรอ?"
"สักคนก็ไม่มีเลยหรอถามจริง"
"จะมองหาไปทำไม ในเมื่อกูก็มีสามีทั้งเจ็ดอยู่แล้ว"
"คุณแม่ขา สามีทั้งเจ็ดคืออะไรหรอคะ? หนูพริ้งอยากมีสามีทั้งเจ็ดเหมือนน้าเมษาค่ะ"
"หนูพริ้งมีสามีทั้งเจ็ดไม่ได้หรอกค่ะลูก และน้าเมษาก็ไม่ได้มีเหมือนกัน แค่มโนเท่านั้นค่ะ"
"แล้ว..มโนคืออะไรหรอคะคุณแม่ขา"
"มโนก็คือ คิดไปเอง! ใช่มั้ยคะ!"
"ว้าววว~~ หนูยูริรู้ได้ยังไงคะเนี่ย" ยัยเรนนี่ทำตาโตแล้วหันมาถามหนูน้อยยูริที่นั่งอยู่ข้างๆพี่ชาย
"เพราะว่า เอิ่ม... อ้อ! เพราะว่าได้ยินคุณป๊าว่าคุณแม่บ่อยๆค่ะ" แล้วพวกฉันทั้งสามคนก็หัวเราะออกมากับท่าทางที่พยามนั่งคิดของหนูน้อยยูริ แต่ที่พีคไปกว่านั้นคือที่บอกว่า รู้จักเพราะเคยได้ยินป๊าว่าแม่บ่อยๆ ลูกแฝดทั้งสองของยัยลมหนาวน่ารักมาก อีกคนหนึ่งเหมือนพ่อทั้งหน้าตาแล้วก็นิสัยส่วนอีกคนก็เหมือนแม่มาก แต่ความน่ากลัวอย่างหนึ่งของการมีลูกก็คงจะเป็นสิ่งนี้นี่แหละ คือเอาเรื่องพ่อแม่มาเผามาเล่านอกบ้านตามประสาเด็กๆนี่ไง
2 ชั่วโมงผ่านไป
"พวกมึง ไว้นัดเจอกันอีกนะ"
"ขับรถดีดีนะเมษา สวัสดีน้าเมษาเร็วเด็กๆ"
"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะน้าเมษา/สวัสดีค่า..หนูพริ้งอยากเป็นติ่งเหมือนน้าเมษา ไว้วันหลังน้าเมษาช่วยสอนหนูพริ้งทำมโนด้วยนะคะ^^" เสียงใสๆของหนูพริ้งทำให้ฉันหุบยิ้มลงอย่างไวแล้วหันไปส่งสายตาพิฆาตใส่ยัยพริ้มเพราแทน จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ก็เรื่องที่มาว่าฉันมโนนั่นไง ถึงจะมโนจริงๆก็เถอะ แต่ก็.. แต่มันก็เป็นเรื่องที่ธรรมด๊าธรรมดาของชีวิตติ่งทุกคนไม่ใช่หรอ การที่เราจะรู้ว่าพวกเขาคือสามีของเรา แต่เขาดันไม่รู้ว่าเราคือภรรยาของเขาน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
ฉันโบกมือให้เด็กๆและเพื่อนทั้งสามที่ยืนรอเหล่าบรรดาสามีมารับกลับบ้านส่วนฉัน..ก็กลับเองสิคะ! น่าเศร้ามั้ยล่ะ แรกๆฉันก็รู้สึกเฟลอยู่เหมือนกันนะแต่เดี๋ยวนี้ชินแล้ว ชีวิตแบบนโมก็พอมีข้อดีอยู่บ้างนะ เพราะฉันก็ยังได้ทำงานที่ฉันรัก ได้เจอไอด้อลเกาหลีแบบที่เคยฝันไว้ บางทีก็เคยคิดนะว่าฉัน..อาจจะใช้ชีวิตแบบเป็นติ่งไปจนแก่ตายไปเลยก็ได้ แบบว่าคุณยายสายเปย์ไง ^^
End..
แดเนียล ||Part||
"กรี๊ดๆๆๆ!!!" ผมที่เดินลงจากเครื่องเข้ามาภายในอาคารก็เจอกลุ่มนักร้องบอยแบนด์วงหนึ่งซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้จักหรอกแต่ก็รู้สึกคุ้นๆยืนแจกลายเซ็นที่ลายมือแบบไก่เขี่ยให้เหล่าบรรดาแฟนคลับเด็กมัธยมที่แอบหนีพ่อแม่มารอรับ ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ดึกดื่นตีสองตีสามขนาดนี้แล้วยังจะแหกขี้ตาพากันตื่นมา แล้วเสียงแม่งก็แสบหูชิบหาย จะกรี๊ดอะไรกันนักหนาต่อให้หล่อสวยแค่ไหนก็ขี้เหม็นเหมือนกันหมดล่ะว่ะ ที่คิดแบบนี้ผมไม่ได้อิจฉาพวกนั้นหรอกนะ แฟนคลับผมก็มีแต่ก็ดีแล้วที่ไม่ต้องมาคอยตามกรี๊ดให้ผมแสบหูเวลาไปไหนมาไหน เพราะผมไม่ชอบเสียงแหลมๆแบบนี้ และแฟนคลับผมส่วนใหญ่จะเป็นแนวส่งของให้ส่งข้อความให้กำลังใจหรืออวยพรนั่นนี่ซึ่งผมก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง
ครืดดดด ครืดดดด ครืดดดด
"ครับแม่..."
'อยู่ไหนแล้วลูก?'
"เพิ่งลงจากเครื่องครับ อยู่เกาหลีแล้ว" ผมไปบาหลีมา เที่ยวพักผ่อนแบบแบ็คแพ็คตามประสาผู้ชายสายลุย ว่าแต่แม่ผมทำไมยังไม่นอนเนี่ย ดึกขนาดนี้แล้วยังมาคอยโทร.หาอยู่
'แล้วคืนนี้จะกลับมานอนบ้านรึเปล่า?'
"เดี๋ยวผมนอนที่คอนโดดีกว่า ไว้พรุ่งผมค่อยแวะไปหานะครับ แล้วทำไมแม่ยังไม่นอน?"
'พ่อเขานอนไม่หลับ แม่เลยลุกขึ้นมาชงชาร้อนๆให้พ่อจิบน่ะลูก จะได้หลับสบาย'
"อ๋อครับ งั้นฝันดีนะครับแม่ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะแวะไปหา" ผมวางสายจากแม่แล้วแบกกระเป๋าเป้พาดไหล่ข้างขวาไว้แล้วเดินไปที่รถ แต่พอมาถึงก็เจอกับกระดาษสีขาวแผนหนึ่งวางไว้ตรงเบาะรถซุปเปอร์สปอร์ตคู่ใจเจ้าแบล็กเบิร์ดของผม พอจับขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่ามันคือซองจดหมายที่ถูกแปะไว้กับเบาะรถด้วยกาวสองหน้าเพื่อกันไม่ให้มันตกหรือปลิวไป และมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดอยู่หน้าซอง คงจะเป็นจดหมายจากแฟนคลับและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นอาทิตย์ละสองสามวัน ที่มักจะมีจดหมายแบบนี้วางไว้บนรถผม แรกๆผมก็เปิดอ่านแต่มันก็เขียนด้วยข้ความแบบเดิมทุกครั้ง ว่า 'รักและห่วงใย จากแฟนคลับ' ข้อความถูกเขียนด้วยปากกาเป็นภาษาเกาหลี ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าทุกครั้งเป็นคนเดียวกันรึเปล่า เพราะบางทีลายมือก็ต่างกันออกไปแต่ข้อความก็ยังเหมือนเดิม ผมจับมันมาพลิกดูหน้าหลังไปมากำลังคิดว่าจะเปิดอ่านหรือจะทิ้งดี แต่สุดท้ายก็ยัดมันลงในช่องใส่ของด้านข้างของกระเป๋าเป้ใบใหญ่ พอยกขาขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนรถซุปเปอร์สปอร์ตพร้อมกับสตาร์ทเครื่องเรียบร้อยแล้วก็หยิบหมวกกันน็อคมาใส่และบิดรถออกมาทันที
****** to be continued

เจ้าแบล็คเบิร์ด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 42
Comments