Ep. 12
" วันนี้กินข้าวด้วยกันนะ.... อยากกินร้านไหน? พี่ให้เลือก " เขามาจอดรถรอรับฉันที่เดิมกับเมื่อวาน แต่วันนี้มันต่างกันตรงที่ว่า อยู่ๆเขาก็ชวนกินข้าว และถ้าฉันตอบตกลง มันจะเป็นการกินข้าวสองต่อครั้งแรกของเรา ถ้าไม่นับรวมอาหารเกาหลีที่เขาซื้อมาให้ฉันกินรองท้องบนรถวันนั้นอ่ะนะ
" ตกลงร้านไหนอ่ะ? " เขาทวนถามขึ้นมาขณะที่กำลังขับรถอยู่ ตาคมคู่นั้นก็มองตรงไปข้างหน้า บอกตรงๆว่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากกินอะไรหรือว่าร้านไหน
" ร้านไหนก็ได้ค่ะ " แค่นั้นแหละ เขาก็หันขวับมามองหน้าฉันทันที ..มีอะไรงั้นหรอ?
" ขอซื้อทิ้งได้มั้ยคำพูดแบบเมื่อกี๊ อะไรก็ได้ ร้านไหนก็ได้... " เขาพูดขึ้นมาก่อนที่จะดัดเสียงเล็กเสียงน้อยคล้ายเสียงผู้หญิง ในสองประโยคสุดท้าย เมื่อเห็นว่าฉันยังเอาแต่เงียบอยู่ เขาซึ่งทำหน้าที่ขับรถก็ขับมาจอดลงที่หน้าร้านสเต็กแห่งหนึ่ง ที่บรรยากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียว มีให้เลือกที่นั่งแบบอินดอร์กับเอ้าท์ดอร์ ถ้าเป็นที่นั่งข้างนอกก็จะมีน้ำตกสระปลาคาร์ฟขนาดเล็ก มีไฟระย้าคอยสาดส่องให้ความสว่างอยู่ระยิบระยับ นั่งข้างนอกก็ดีเหมือนกันนะ ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้
" โต๊ะนี้โอเคมั้ย? " เขาหันมาถามฉันเมื่อเดินลิ่วๆมาถึงที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ด้านนอกแล้วก็เป็นโต๊ะที่ฉันหมายตาไว้พอดี เราเลือกที่นั่งเสร็จพนักงานก็ยื่นเมนูให้
ฉันรู้สึกได้ถึงความพยายามของเขา แต่บอกตรงๆว่าตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะว่าเขากำลังคุยแค่กับฉันคนเดียวจริงๆรึเปล่า ขอเวลาให้ฉันได้มั่นใจกว่านี้อีกสักนิดนะคะ เพราะฉันกลัว....กลัวว่าจะผิดหวังอีกเหมือนอย่างครั้งนั้น ถึงแม้ช่วงนี้เขาชอบมาทำตัวติดฉันมากขึ้นแต่...ใหม่ๆก็เป็นอย่างนี้กันแทบทุกคนไม่ใช่หรอ เฮ้ออออ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่..ฉันก็ยิ่งสับสนกับตัวเองมากเท่านั้น
" ทำไมพริ้มไม่กินล่ะ เอาแต่นั่งเหม่อเดี๋ยวมันก็เย็นชืดหมด อ่ะ..พี่ป้อน " เขายื่นซ่อมที่มีสเต็กชิ้นพอดีคำมาจ่อที่ปากฉัน ฉันส่ายหน้าเบาๆแต่เขาก็ยังยื่นเข้ามาใกล้ๆไม่หยุดจนฉันอ้าปากงับแล้วเคี้ยวกินตุ้ยๆ เขายิ้มมุมปากให้แล้วถึงได้ก้มหน้ากินต่อ ของฉันที่สั่งเป็นสปาเก็ตตี้ซอสเห็ด
" ขอชิ้มของพริ้มบ้างสิ " ฉันผลักจานของฉันไปทางเขาเบาๆเพื่อเป็นการบอกว่า ให้เขาตักกินได้เลย
" ไม่เอา.. ป้อนพี่หน่อย อ้าาา " พูดเสร็จแล้วก็อ้าปากรอ ฉันก็เลยต้องม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ไปใส่ปากให้เขา
" อื้มมมมม อร่อย~ ขอบคุณครับ ที่รัก... " การกระทำของเราทั้งสองทำให้โต๊ะที่อยู่ข้างๆหันมามอง ฉันอายจนจะมุดดินหนีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าคนหน้าด้านหน้าทนอย่างเขาจะรู้จักคำว่าอายรึเปล่า และคำเมื่อกี๊ที่พูดออกมาก็เหมือนกัน...ไม่ได้ทำให้ฉันดีใจหรือว่าเขินหรอกนะ เขาอาจจะพูดออกมันออกมาเพราะชินปากก็ได้ พูดบ่อยจนติดไง ใช้แบบพร่ำเพรื่อ อาจจะใช้กับสาวๆทุกคนที่นั่งทานข้าวตรงหน้าเขาเหมือนฉันตอนนี้...ก็ได้
ครืดดดดดด
เสียงสั่นแจ้งเตือนจากมือถือของฉันเอง เมื่อหยิบมาเปิดดูก็เห็นว่ามันเป็นข้อความแชทจากไอจี ซึ่งคนที่ทักมาก็คือคุณออสตินนั่นเอง ฉันเหลือบตามองเขานิดหน่อย อะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ฉันต้องมีปฏิกิริยาแบบนั้น เมื่อเห็นว่าเขายังก้มหน้าใส่ใจกับการกินอยู่ ฉันจึงพิมพ์ตอบแชทของคุณออสตินไป ก็เป็นแค่คำถามธรรมดาทั่วไปเช่น ทำอะไรอยู่ สบายดีหรือเปล่า แค่นั้นเองและเขาก็เพิ่งจะทักมาครั้งนี้ครั้งแรกหลังจากที่ฉันกลับมาจากเกาหลี
" คุยกับใคร? " เหมือนเขายังสนใจแต่กับจานสเต็กตรงหน้า แต่ก็ยังถามคำถามนั้นกับฉันได้ เมื่อฉันไม่ตอบคำถามสักทีเขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง จ้องหน้าฉันนิ่งเหมือนกำลังขู่เอาคำตอบจากฉันอยู่ก็ไม่เชิง
" คุณออสตินทักมาค่ะ " ไม่มีอะไรที่ฉันต้องโกหก เพราะฉันกับคุณออสตินไม่ได้มีอะไรที่จะต้องปิดบัง
" มันทักมาว่าอะไร? " เขาเอียงคอมองหน้าฉันก่อนจะถามต่อ ด้วยเสียงที่เข้มขึ้น
" พี่ว่า...พริ้มน่าจะถ่ายรูปคู่ของเราส่งให้มันดูสักหน่อยนะ " พูดเสร็จก็คว้ามือถือฉันไปเปิดกล้อง ชูแขนแกร่งขึ้นแล้วกดถ่ายจากฝั่งเขาซึ่งในรูปฉันเองก็ยังทำหน้าตื่นๆอยู่เลย นี่เขากดส่งเลยหรอ ไม่เช็ครูปก่อนหรือไง เพราะเมื่อกี๊เขาถ่ายเสร็จแค่แชะเดียวแล้วก็กดอะไรสักอย่างลงบนหน้าจอแล้วยื่นมันคืนมาให้ฉัน
เมื่อเห็นข้อความที่เขาส่งกลับไปให้คุณออสตินก็ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองค้อนไปให้เขาทันที เขาใช้คำหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษส่งกลับไป ทำไมถึงทำนิสัยแบบนี้นะ แต่คุณออสตินคงรู้อยู่แล้วหล่ะมั้งว่าไม่ใช่ฉันที่พิมพ์ เพราะรูปที่ส่งไปก่อนหน้านี้ก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนกดถ่าย หลังจากนั้นไม่นานคุณออสตินก็ส่งแค่สติ๊กเกอร์กลับมาแล้วก็หายไปเลย ก่อนที่จะมีเสียงข้อความดังเข้าจากเครื่องของเขาแทน และไม่น่าจะใช่ใครที่ไหน นอกจากคุณออสตินนั่นแหละ
เวลา 21:00 น.
" พี่คอแห้งอ่ะ ขอขึ้นไปกินน้ำหน่อยดิ " มุขเดิม! เมื่อรถจอดสนิทที่หน้าคอนโด และก่อนที่ฉันจะเปิดประตูรถเดินออกไป เขาก็เอ่ยคำพูดเมื่อกี๊ออกมา และแน่นอนว่ามันจะไม่มีรอบสองแน่
" อ่าวเฮ้ยย พริ้ม!! ไม่ให้ไปกินน้ำหรอ....พี่คอแห้งนะ!! " ฉันไม่สนใจเขาแล้วเดินขึ้นมาบนห้องทันที จากนั้นมือถือของฉันก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
LINE
กองทัพ: ' Good night ครับ...คนสวย '
เดินขึ้นมาถึงห้องได้ไม่นานยัยข้าวเม่าก็โทร.มาคุยโม้กับฉันใหญ่ว่าอีกสองวันจะมาหา เพราะต้องมาเตรียมตัวและร่วมกิจกรรมภายในมหาลัยฯ น้ำเสียงตื่นเต้นใหญ่ฉันว่าถ้าเป็นไปได้มันคงอยากมาคืนนี้เลยด้วยหล่ะมั้ง แต่ระหว่างนี้ยัยข้าวเม่าก็คงต้องพักกับฉันไปก่อน ซึ่งคอนโดฉันก็มีสองห้องนอนอยู่แล้วเผื่อบางทียัยข้าวเม่าอาจจะต้องการเวลาส่วนตัว ก็ดีเหมือนกันนะถ้าข้าวเม่ามาอยู่ด้วยก็คงไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่
เย็นวันต่อมา
" จะไปไหนคะ? นี่ไม่ใช่ทางไปคอนโดฯฉันนี่ " เขาไปรอรับฉันจากที่ทำงานเหมือนเดิม แต่ว่าทางที่เขาเลี้ยวเข้ามานี้ มันไม่ใช่ทางไปคอนโดฉันสักหน่อย
" เดี๋ยวพี่แวะไปที่บ้านแป๊บนึง ไปเอาของ " แล้วจะพาฉันเข้าไปด้วยเนี่ยนะ?! ถ้ามีธุระก็ไม่เห็นต้องไปรอรับฉันเลยนี่นา ทำธุระ ทำงานของตัวเองไปสิ
" ไปเอาของแป๊บเดียว " เมื่อเห็นว่าฉันยังนั่งหน้าบึ้งอยู่เขาก็หันมาพูดย้ำอีกรอบพร้อมกับมือใหญ่ที่ยกมาวางแหมะลงบนหัวฉันก่อนจะจับแล้วโยกไป มาเบาๆ
รถก็ขับลัดเลาะผ่านซอยเข้ามาเรื่อยๆจนมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีรั้วสูงใหญ่แต่ดูหรูหรากั้นอยู่ ตัวบ้านก็ค่อนข้างใหญ่แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากเกินไป แต่สนามหน้าบ้านตรงนั้นน่ะสิมันดูกว้างมากเลยล่ะ เหมือนจะครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอลได้เลยมั้ง แต่เรื่องของเรื่องคือทำไมเขาไม่ขับเข้าจอดข้างในล่ะ มาจอดอยู่หน้าบ้านทำไม ไกลขนาดนั้น จะเดินเข้าไปหรือไง
" พริ้มครับ..เข้าไปเจอแม่พี่สักหน่อยมั้ย ท่านใจดีนะ ท่านต้องชอบพริ้มแน่ " จากที่เงียบอยู่สักพักเขาก็พูดเอ่ยชวนฉันไปเจอแม่เขา จะบ้าหรือไง จะพาฉันให้รู้จักแม่ของเขาในฐานอะไร ไม่ทราบ?!
" จะให้ฉันไปเจอท่านทำไม ในฐานะอะไรคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย " ฉันพูดแล้วมองจ้องเข้าไปในตาเขาเพื่อให้เขาได้สติขึ้นมา จะพาฉันไปเจอแม่เขาเพื่ออะไร ถ้าแค่ไปเอาของ ให้ฉันรอที่รถก็ได้ไม่ใช่หรอ?
" พูดแบบนี้อีกแล้วนะ พี่ก็พยายามทำให้พริ้มเห็นอยู่นี่ไงครับ นะ ไปหาแม่พี่กัน ไปเจอในฐานะว่าที่แฟนพี่ก็ได้ เอ้า! " เขาพูดน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากนิดๆก่อนที่จะขับรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วใหญ่มุ่งตรงสู่ตัวบ้านทันที
เอี๊ยดดดดด
" ป่ะ! " เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ฉันแล้วยื่นมือเข้ามาตรงหน้า
" ไหนบอกว่ากลับมาเอาของไงคะ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะจัดเตรียมเหตุการณ์ทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ฉันพูดเสียงนิ่งแล้วมองมือเขาที่ยังกระดิกนิ้วรอให้ฉันวางมือลงบนนั้นไม่หยุด
" โธ่..พริ้ม อย่ามองพี่ในแง่ร้ายนักสิ พี่กลับมาเอาของจริงๆ แต่อุตส่าห์พาพริ้มมาด้วยทั้งทีก็ไม่อยากให้เสียเที่ยวไง พี่จริงจังนะ.... ไปเร็ว "
หมับบบบ!!
เพียงแค่แตะมือลงเขาก็ฉุดดึงฉันขึ้นมาจากเบาะอย่างรวดเร็วจนฉันแทบไม่ทันตั้งตัว และด้วยรองเท้าส้นสูงแหลมๆที่ฉันใส่อยู่ มันทำให้ฉันเสียการทรงตัวจนเซเขาไปซบหน้าอยู่บนอกเขา ก็แหงหละผู้ชายอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้โอกาสแบบนี้ลอยหลุดมือไปง่ายๆหรอก ได้ทีก็เอาใหญ่ แขนเขาตวัดโอบกอดรัดฉันไว้แน่น พร้อมกับมือหนากดหัวฉันให้เบียดกับแผ่นอกแกร่งจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากเขา
" โอ๊ะ โอ๊ะ เป็นอะไรรึเปล่าครับพริ้ม! "
" อื้ออออ~~ พี่ปล่อยพริ้มเดี๋ยวนี้นะ!! " ฉันที่พยายมจะดันหัวตัวเองออกจากอกเขา แต่ยิ่งฉันขยับ เขาก็ยิ่งกดลงให้แนบชิดมากขึ้นกว่าเดิม
" ว้ายยยยยย!!!! ตาเถร!!! ทำอะไรกันน่ะ?! มากอดจูบลูบคลำกันกลางวันแสกๆแบบนี้ได้ยังไงกัน! "
" กองทัพ!!! หนูทำอะไรครับลูก?! " เขายอมหยุดเล่นแล้วพยุงตัวฉันให้ออกจากอกเขาเบาๆ ฉันเองก็พยายามยืนตัวตรงทั้งที่ขามันอ่อนเปลี้ยไปหมดแล้ว ทั้งเขินทั้งโมโห ฉันมองผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่หน้า เป็นคุณยายและอีกคนที่ยังสาวกว่าน่าจะเป็นแม่ของเขาแหละมั้ง เมื่อเห็นสายตาของคุณยายคนนั้นซึ่งฉันก็ไม่มั่นใจว่าเธอคือใคร เป็นอะไรกับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฉันตอนนี้ รู้แค่ว่าสายตาที่มองมาเหมือนกำลังตำหนิของเธอทำให้ฉันต้องรีบก้มหน้าลงทันที ให้ตายสิ! เพราะเขาคนเดียวแท้ๆเลย ทำให้ฉันมีภาพลักษณ์แบบนี้ต่อหน้าผู้ใหญ่..ฉันไม่โอเคเลยนะ TT
" สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับยาย "
" ครับลูก แล้ว...ผู้หญิงคนนั้นใครครับ? " น้ำเสียงของแม่เขาฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นดีจัง
" คงจะเป็นพวกผู้หญิงก๋ากั่น หญิงสาวใจแตกล่ะสิ ถึงได้ติดตามห้อยสอยต่องแต่งตามผู้ชายเขามาถึงที่บ้านได้ แถมยังมาทำบัดสี ไม่อายฟ้าอายดินกันแบบนี้ "
" ไม่ใช่นะครับคุณยาย เธอชื่อพริ้มครับแม่ ผม...กำลังจีบเธออยู่ " ฉันเงยหน้าขึ้นมองยายของเขาทันทีที่พูดออกมาเมื่อกี๊ คำพูดนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกปรี๊ดมากแต่ก็พยายามเข้าใจว่า พวกเขากำลังเข้าใจตามภาพที่เห็น ซึ่งมันเป็นการเข้าใจผิด และแน่นอนว่าฉันต้องอธิบายไขความกระจ่างให้พวกท่าน
" แล้วทำไมต้องซุกซบกันขนาดนั้นด้วย? "
" ตอบคุณยายสิครับลูก ทำไมหนูทำแบบนั้นครับ? มันมีเหตุอะไร? " นี่ถ้าไม่มีคำว่า ครับ ลงท้ายฉันอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าแม่ของเขากำลังคุยกับฉันอยู่ก็ได้นะเนี่ย
" เมื่อกี๊พริ้มเขาจะล้มน่ะครับ ผมเลยพยุงเธอไว้ อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ผม...กลับมาเอาของ เดี๋ยวออกไปข้างนอกอีกครับแม่ " แม่เขายังมีหันมาส่งยิ้มให้ฉันบ้าง แต่กับยายของเขาเนี่ยสิ ยังจ้องฉันด้วยสายตาแบบนั้นไม่หยุดสักที ไม่เชื่อที่หลานชายของท่านอธิบายเมื่อกี๊อย่างนั้นหรอ ฉันได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งแล้วแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
" หนูชื่ออะไรนะจ๊ะ? " ฉันเงยหน้าขึ้นมองเกิดความเมื่อไม่มั่นใจว่าแม่ของเขากำลังถามฉันอยู่รึเปล่า
" หนูชื่อ...พริ้มเพราค่ะ สวัสดีค่ะ " ฉันยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า
" ไหว้พระเถอะลูก แหมม...ชื่อน่ารักจัง ไปครับลูก...พาหนูพริ้มเพราเข้าบ้านกันก่อน " เขาก้มลงมามองฉันยิ้มๆก่อนจะจูงมือฉันเดินเข้าบ้าน ฉันงงกับตัวเองมากในตอนนี้ นี่ฉันมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ฉันเป็นแฟนเขาหรอ..ก็ไม่ใช่สักหน่อย ทำไมต้องปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจด้วย จะจับจะจูงยังไงก็ปฏิเสธจริงจังไม่ได้สักที
" ฝากพริ้มแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาของก่อน " เขาพูดแล้วก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที ปล่อยให้ฉันยืนเคว้งอยู่ต่อหน้ายายของเขาที่คอยแต่จะส่งสายตาตำหนิมาหาฉันอยู่ตลอดเวลา ส่วนแม่ของเขาเดินเข้าไปในครัวแล้ว
" เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่? ถึงได้ตามผู้ชายเข้ามาถึงในบ้านแบบนี้ "
" ....................... "
********* to be continued
❤️❤️ ขอกำลังใจให้ไรท์หน่อยค่ะ ❤️❤️
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 41
Comments