:
:
:
“องค์ชายเเคว้นซีเสด็จ” เสียงเล็กแหลมของหลี่กงกงคนสนิทดังขึ้นอีกครั้ง สายตานับร้อยนับพันต่างจับจ้องไปที่ผู้มาใหม่ คุณหนูบางท่านก็ส่งสายตาหวานเยิ้ม บางนางแสร้งผ้าเช็ดหน้าตกบ้าง พูดได้ว่ามีเท่าไหร่ก็งัดขึ้นมาใช้ทุกกลยุทธ์ เพราะ ทราบดีว่าในอนาคตเขาจะต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้อย่างไม่ต้องสงสัย
เทียนหลางสอดส่องเหล่าสตรีทั่วท้องพิธีการด้วยสีหน้าเอือมระอาถึงตนจะเสเพลเเต่ก็ใช่จะมั่วสุมสตรีเยี่ยงสัตว์ และก็ทราบดีว่าสตรีเหล่านี้หวังเพียงลาภยศเงินทอง เเต่งไปก็มีเเต่จะทุกข์ใจเสียเปล่า
“เทียนหลางคาระวะฝ่าบาท ข้ามาในตัวเเทนเสด็จพ่อ เเละเนื่องจากเเคว้นซีมีปัญญานิดหน่อยจึงทำให้มาร่วมพิธีล่าช้าหวังว่าท่านจะไม่ถือสา” เทียนหลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มปนรู้สึกผิด ถ้าหากว่าเจ้าน้องสาวตัวแสบไม่ก่อเรื่องเขาคงไม่ต้องเสียมารยาทต่อหน้าแคว้นอื่นเช่นนี้
ฮ่องเต้พยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ เทียนหลางจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้สถานะการณ์ตึงเครียดไปมากกว่านี้
“เสด็จพ่อมีพระราชประสงค์มอบของชิ้นนึงให้เเคว้นตงเย่ว เเทนคำขอโทษในอดีตที่ไม่สามารถส่งพระธิดาเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีได้ด้วย “น้ำตาเทพธิดา”
เพียงเเค่เทียนหลางเอ่ยถึง “น้ำตาเทพธิดา” ก็ทำให้ผู้คนเเตกตื่นอีกครา น้ำตาเทพธิดานับเป็นของที่หายากมากก็ว่าได้ เพียงหนึ่งหยดไม่ว่าจะพิษชนิดใดก็สามารถรักษาหายขาดได้เเละยังช่วยบำรุงกำลังภายในอีกด้วย
ตามตำนาน “น้ำตาเทพธิดา” เกิดจากเทพธิดานางหนึ่งที่ถูกสั่งมารับโทษบนโลกมนุษย์ ยามนั้นโลกมนุษย์ สวรรค์ เเละเผ่ามารที่สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ ต่างติดต่อสื่อสารไปมาหาสู่กันได้ในช่วงเวลานั้น จนกระทั่งเง็กเซียนรู้ความลับที่ว่า ธิดาสวรรค์กับองค์ชายเผ่ามารลอบมีใจให้แก่กัน ทำให้เขาพิโรธ เพราะ เผ่ามารกับเผ่าสวรรค์ไม่อาจรักกันได้ถือเป็นการผิดกฏสวรรค์อย่างร้ายเเรง
น้ำตาของนางไหลรินเป็นสายน้ำล่วงหล่นมายังพื้นแผ่นดินของเเคว้นซี ส่วนองค์ชายเผ่ามารถูกลงโทษให้เฝ้ามองหญิงอันเป็นที่รักตายทุกภพทุกชาติ จนกว่าร่างในฐานะองค์ชายจะเเตกดับจึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้
“ฝากขอบใจพ่อของเจ้ามาก ข้ากับเทียนหนานต่างเป็นเพื่อนกันมาตั้งเเต่วัยเยาว์ ฟังเรื่องเล่าเทพธิดาไป๋เฉียนทุกครั้ง ก็หวังว่าข้าจะได้เห็นตอนจบของนาง...” ฮ่องเต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีเเต่ก็ยังคลอด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยตนแก่ปูนนี้เเล้วคงจะไม่มีวันได้เห็นหรือฟังเรื่องเล่าบทสุดท้ายของพระนาง
“ หวังว่าพระนางไป๋เฉียนจะหลุดพ้นจากด่านเคราะห์กรรมไวๆเช่นกัน พะย่ะค่ะ ”
“เอาล่ะๆ ข้าไม่รบกวนองค์ชายเเล้ว เชิญนั่งๆ”
เทียนหลางเอ่ยขอบคุณตามมารยาทเเละทอดกายลงยังที่นั่งของตน ข้างหน้าเขาเป็นประมุขหอเฟิ่งหวงจึงเอ่ยทักทายกันตามมารยาท คิดว่าคนอย่างเทียนหลางจะไม่รู้หรือว่าน้องสาวตนแอบไปซุกซนที่ใด หึ ๆ
พิธีการเเต่งตั้งรัชทายาทโหย่วอี้ผ่านไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งถึงพิธีการอภิเษกสมรสเเละเเต่งตั้งชายาองค์รัชทายาท ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ข้า หนิงอันเหมิง เจ็บปวดอย่างไม่ทราบสาเหตุ พวกเขาต่างยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุขดั่งโลกทั้งใบมีเพียงพวกเขาสองคนอย่างนั้น
นางรู้สึกไม่ค่อยดีเลยขอตัวออกจากงานเเล้วทิ้งห่าวหรานนั่งคนเดียวทีเเรกเขาก็จะตามออกมาด้วย เเต่ถึงอย่างนั้นนางก็เกรงใจเขาจึงตัดสินใจออกมาสูดอากาศข้างนอกเพียวคนเดียว
พึ่บ~~
“ ได้ข้อมูลว่าอย่างไร ”
“เรียนคุณหนู นางเป็นบุตรีจวนเเม่ทัพใหญ่ นามว่า หลิวอี้ถิง มีนิสัยอ่อนหวาน รูปโฉมงดงามยิ่งเจ้าค่ะ” ชิงชิงที่อยู่ในชุดนางกำนัลเอ่ยสิ่งที่ตนรู้คร่าวๆแก่นายตน
“ ข้ากับนางใครงดงามกว่ากัน ” นางเอ่ยถามในขณะที่ยืนหันหลังชมนกชมไม้รอบ ๆ บริเวณ
“ ยะ ย่อมต้องเป็นคุณหนูของข้าอยู่เเล้ว ” ชิงชิงหลับตาเอ่ยชื่นชมหนิงอันเหมิงอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ เช่นนั้นข้าขอตัวไปทำหน้าที่ก่อนนะ....” ถึงจะงงว่าทำไมอยู่ดีๆถึงถามเช่นนั้น เเต่ก็ติดที่ตนต้องรีบกลับไปสานต่อหน้าที่ให้เเล้วเสร็จ
“ ไปเถิด”
ตุ๊บ~~~
เมื่อชิงชิงจากไปหญิงสาวก็ล้มพับลงทันทีเป็นเหตุให้ผ้าคลุมหน้าร่วงตกที่พื้นหินกรวด ใบหน้านั้นซีดเซียวจนไม่เห็นสีเลือดฝาด ปากบางที่เคยอวบอิ่มซีดลงไม่ต่างจากใบหน้า เนื้อตัวสั่นเทาไร้เรี่ยวเเรง
ห่าวซวนที่เพิ่งกลับจากภารกิจที่พี่ชายมอบหมายเสร็จ ด้วยความคิดถึงคนตัวเล็กจึงลอบดูนางเมื่อเห็นนางเป็นลมไป จึงรีบกระโดดออกจากที่ซ่อนเข้ามาพยุงร่างเล็กขึ้นในท่าเจ้าสาว นึกครุ่นเคืองที่พี่ชายปล่อยให้นางตัวร้อนจี๋เช่นนี้ได้อย่างไร เห็นเเล้วปวดใจยิ่ง
ตัดมาที่ห่าวหรานที่อยู่จนจบพิธีเริ่มรู้สึกว่าหญิงสาวออกไปนานจึงออกจากงานเพื่อตามหาขืนนางเป็นอะไรไปเจ้าน้องชายคงคลุ้มคลั่งเป็นเเน่ เเต่เดินหาเท่าไหร่ก็ไม่พบถึงอย่างนั้นโชคก็ยังเข้าข้างเขาสายตาพยัคฆ์เหลือบไปเห็นผ้าคลุมผืนบางจึงหยิบขึ้นมาสูดดม ด้วยสัญชาตญาณนักล่าทำให้เขารู้อย่างง่ายดายว่าเป็นกลิ่นของหนิงอันเหมิง เเต่น่าแปลกที่มีกลิ่นสาบเจ้าน้องชายด้วย
ณ หอประมูลเฟิ่งหวง
“ นางเป็นเช่นไรบ้างท่านหมอ ” ห่าวซวนเขายังคงกุมมือเรียวบางไว้ตลอดเวลา เพียงท่านหมอชายชราเเตะแขนวัดชีพจรเขาก็เเยกเขี้ยวใส่กว่าจะตรวจเสร็จก็กินเวลาไปหลายชั่วยาม
“ คือ นะ นางถูกพิษเจ็ดราตรี สามารถรักษาให้หายได้ด้วยเลือดพยัคฆ์ข้าคิดว่าท่านคงต้องถามความสมัครใจจากท่านชายห่าวหราน ” หมอชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ ต้องใช้เลือดท่านพี่มากเท่าใด ”
“ เนื่องจากพิษเจ็ดราตรีเป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่จะทำให้ตกอยู่ในห้วงมายา ควรให้นางห่างจากคนวางยาเพื่อลดอาการพิษกำเริบและควรให้เลือดในวันพระจันทร์เต็มดวงเป็นเวลาเจ็ดรอบ....”
“ ท่านรับใช้ตระกูลข้ามานาน ข้าจะตบรางวัลให้ท่านหมออย่างงาม ”
“ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ”
หมอชรารอบปาดเหงื่ออย่างโล่งอกที่ไม่โดนท่านชายตัดหัวเอาเหมือนหมอคนอื่นๆก่อนหน้านี้ ดีที่ตนมีบุญคุณกับตระกูลนี้พอสมควร
.....................................................................................
Spoil^_________^
“ ภรรยาเอายาข้าป้อนดีกว่า เลือดของท่านพี่ทั้งเหม็นทั้งคาว เเต่ของข้าน่ะ หอม หวาน มันส์ ”
:
“ข้าคิดว่าตอนไปให้สุนัขจรจัดกินก็ดีเหมือนกัน แหะ”
:
“ ใจร้าย ภรรยาก็ระวังท่านพี่ไว้หน่อยเถิด สตรีนางไหนที่ท่านพี่อยากได้ไม่คลานลงมาจากเตียงก็ตายคาเตียง ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ”
😧
..............................…....................................................
กลิ่นสาบเลยหรือพ่อหนุ่ม(≧▽≦)
ยังไม่ได้ตรวจคำผิด ฝากกดไลค์+คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจด้วย ไม่ชอบเเนวนี้ให้เลื่อนผ่านอย่าคอมเม้นท์เเรงบั่นทอนจิตใจไรท์เด้อ please 🥺🙏
ตัวละครเพียงสมมุติขึ้นเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและไม่ควรลอกเลียนเเบบ ขอให้อ่านเพื่อความเพลิดเพลินเพียงเท่านั้น
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมาย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments