จวนลับพรรคมารสกุลเฉียง
พรรคมารได้สร้างความโกลาหลมากมายแก่พรรคธรรมะ โดยเฉพาะพรรคธรรมะตระกูลลู่ ที่ถูกพรรคมารตระกูลเฉียงก่อกวนได้ทุกวี่ทุกวัน และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ พรรคมารตระกูลเฉียงจะใช้แก่นปราณธาตุน้ำแข็งเป็นหลัก ส่วนพรรคธรรมะตรกูลลู่จะใช้แก่นปราณธาตุลม
แต่แล้วความวุ่นวายที่พรรคมารตระกูลเฉียงเคยก่อก็ได้ยุติลงอย่างเงียบๆ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคมารตระกูลเฉียง รู้เพียงว่ามีประมุขพรรคมารคนใหม่ขึ้นปกครอง และไม่เคยมาสร้างความวุ่นวายแก่พรรคธรรมะอีกเลย ไม่มีใครเคยพบเห็น ว่าหน้าตาของประมุขพรรคคนใหม่หน้าตาเป็นเช่นไร
“ทะ...ท่านประมุข หากท่านไม่ลงมือ เกรงว่าพรรคมารเช่นพวกเราจะเสียองครักษ์ไม่น้อย ได้โปรดออกคำสั่งด้วยขอรับ” องครักษ์นายหนึ่งก้มคุกเข่าตรงหน้าประมุข มีนามว่า เฉียงต๋า
ผู้ที่ถูกเรียกว่าประมุขเมื่อครู่ ชำเลืองตามององครักษ์เล็กน้อย พร้อมเอ่ยว่า “มองจากลูกแก้ว ข้าเห็นว่าเป็นพวกเจ้าที่หาเรื่องเขาก่อน แค่เดินตรวจตราในเมืองของพรรคธรรมะ ไยต้องไปทำร้ายเขาก่อนด้วย เช่นนั้นก็หาศิลาดำไม่เจอเสียที”
“ฮ่าวเกอต้องลงโทษพวกเขา!” เสียงเด็กสาวในชุดวรยุทธ์สีครามดังขึ้น พร้อมชี้ประนามองครักษ์นายนั้น
ฮ่าวเกอ หรือเรียกอีกอย่างว่า เฉียงฮ่าวปิง ดำรงตำแหน่งประมุขพรรคมารคนปัจจุบัน และยังมีน้องสาวหน้าตาน่ารักนาม เฉียงอวี้หลัน
“เสี่ยวอวี้ มาหาพี่” เฉียงฮ่าวปิงกวักมือเรียกน้องสาว
ผู้เป็นน้องสาวก็ไม่รอช้า รีบวิ่งแจ้นมาหาเฉียงฮ่าวปิง เพราะด้วยความที่นางชอบสวมใส่เสื้อผ้าของบุรุษ จึงทำให้นางอดคล้อยตามนิสัยของบุรุษไม่ได้
“ข้าจะฟ้องอาจารย์อาของเจ้า” เสียงเย็นยะเยือกของเฉียงฮ่าวปิงกระซิบข้างหูน้องสาว ทำให้เฉียงอวี้หลันก้าวถอยออกมา ใบหน้าแสดงความผวา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไป
“เดิมทีพรรคมารก็มีเรื่องบาดหมางกับพรรคธรรมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มิใช่ว่าหากข้าส่งคนไปจัดการพรรคธรรมะ จะไม่เป็นการจุดไฟเผาตัวเองหรือ?” เฉียงฮ่าวปิงนั่งเท้าคางพลางหลับตาลงช้าๆ
“...” องครักษ์ได้แต่นิ่งเงียบ
“ข้าขี้เกียจที่ต้องมานั่งดูพวกเจ้าตีกันแล้ว มีเรื่องอะไรก็จัดการเองแล้วกัน” เฉียงฮ่าวปิงโบกมือ
“ขอรับ...” เฉียงต๋าตอบสั้นๆ เป็นการเอ่ยคำลา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วจากไป
เฉียงฮ่าวปิงได้แต่ถอนหายใจทิ้ง
“เห นี่ท่านไว้หน้าพรรคธรรมะเช่นข้าขนาดนี้เชียวหรือ” ชายหนุ่มโผล่มาหลังจากเก้าอี้ไม้ของเฉียงฮ่าวปิง เขาไล้เส้นผมของเฉียงฮ่าวปิงหนึ่งที ก่อนจะเดินออกมาประชันหน้า
“พรรคธรรมะเช่นเจ้า? เหตุถึงมาเกาะแกะข้านัก พรรคมารมิใช่ที่อย่างคนพรรคธรรมะจะมาเดินเล่น” เฉียงฮ่าวปิงส่ายหน้า
“ท่านประมุขเฉียง นี่ท่านจำข้าไม่ได้เลยหรือ?” ชายหนุ่มคนนั้นยังคงม้วนเส้นผมดำขลับของเฉียงฮ่าวปิงเล่น
คนตรงหน้าเป็นลูกศิษย์ของพรรคธรรมะตระกูลลู่ ลู่เยว่ชิง หนึ่งในบรรดาศิษย์เอกของพรรค สวมใส่ชุดวรยุทธ์สีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวถูกมัดรวบเป็นหางม้า ข้างกายเหน็บกระบี่สีเงินแวววาว
เฉียงฮ่าวปิงถูกลู่เยว่ชิงตามติดมาหลายเดือนแล้ว ด้วยความที่ตนเคยสูญเสียความทรงจำมาก่อน หลังจากที่ฟื้นเขาก็พบลู่เยว่ชิง โดนถามตลอดว่า ‘จำข้าได้หรือไม่’ แต่เขาไม่ได้ตอบไป
เฉียงฮ่าวปิงมองนิ่ง ลู่เยว่ชิงสบตากับอีกฝ่ายพอดี
“ฮ่าๆ ชิงเอ๋อร์ล่วงเกินท่านแล้ว ขออภัยๆ” ลู่เยว่ชิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่เรียวมือยังไม่ดึงกลับที่ ยังคงลูบไล้เส้นผมของเฉียงฮ่าวปิงอยู่เช่นนั้น
“เจ้ามาที่นี่เพราะมีของใช่หรือไม่” เฉียงฮ่าวปิงเบนหน้าไปทางอื่นให้พ้นมือของลู่เยว่ชิง
“เย็นชาเกินไปแล้ว หรือเพราะท่านมีแก่นปราณน้ำแข็งกันนะ” ลู่เยว่ชิงหัวเราะเบาๆ
“ไหนของ” เฉียงฮ่าวปิงเปลี่ยนเรื่อง หันหน้ากลับมา
“ฮ่าวเก้อเกออย่ารีบร้อน” ลู่เยว่ชิงล้วงหยิบของข้างในเสื้อ หยิบเอาห่อผ้าสีเขียวออกมายื่นให้
“มีเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น ฮ่าวเก้อเกอโปรดอย่าถือสา” ลู่เยว่ชิงแกะห่อผ้าออกมา ข้างในปรากฎเป็นเศษผงละอองสีดำแวววาวประกายระยิบระยับ
“ไม่เป็นไร หลอมเอาก็ได้” เฉียงฮ่าวปิงทำท่าจะคว้าห่อผ้านั้นมา
“อ๊ะๆ อย่าหาว่าข้าทวงเลย ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าจะมีสิ่งแลกเปลี่ยน” ลู่เยว่ชิงยิ้มหวาน เขาห่อผ้าเก็บดังเดิม
เฉียงฮ่าวปิงหดมือกลับ ตีหน้าทะมึนใส่
“เจ้าต้องการอะไร” เฉียงฮ่าวปิงถามเสียงเรียบ
“ผงศิลาดำที่ข้าเสี่ยงตายไปหามาให้ท่าน ข้าเกรงว่าได้ของชิ้นเดียวคงจะไม่คุ้มเท่าไหร่” ลู่เยว่ชิงเหลือบ
“เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องการของจากเจ้า” เฉียงฮ่าวปิงถอนหายใจ และลอบสบถในใจ คนของพรรคธรรมมะจะเหลี่ยมเกินไปแล้ว ได้คืบจะเอาศอก
“โถ ฮ่าวเกอ...” ลู่เยว่ชิงหดหู่
“ใครเป็นพี่ของเจ้า” เฉียงฮ่าวปิงขมวดคิ้ว
“ท่านประมุขสิ ข้าลืมตัว” ลู่เยว่ชิงเกาหัว
“จะว่าไปท่านเอาศิลาดำไปทำอะไรหรือ ข้าได้ยินมาว่าสามารถฟื้นคืนชีพให้กับผู้ล่วงลับไป ได้ตื่นขึ้นมา” ลู่เยว่ชิงเอียงคอถาม
“ไม่ต้องถามให้มากความ” เฉียงฮ่าวปิงแบมือ “เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
“มอบริมฝีปากลงบนแก้มของข้าก็เพียงพอแล้วขอรับ” ลู่เยว่ชิงเอ่ยอย่างร่าเริง
“...” เฉียงฮ่าวปิงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าทะมึน เขาหดมือกลับ ไม่กล้ายื่นออกไปอีก อีกฝ่ายเป็นถึงคนของพรรคธรรมะ ผดุงความยุติธรรม แต่บางคนกลับมีความคิดต่ำช้าเช่นนี้?
“ผงศิลาดำ สงสัยข้าต้องเอาไปทิ้งแล้ว” ลู่เยว่ชิงเอ่ยลอยๆ
“แค่ประทับก็พอใช่หรือไม่” เฉียงฮ่าวปิงถอนหายใจแรงๆ เขายกมือเช็ดปากเช็ดจมูก
“ท่านประมุขช่างปราดเปรื่อง ท่านคิดถูกแล้ว!” ลู่เยว่ชิงปรบมือสามที เขาเดินก้าวเท้าไปหาอีกฝ่าย แล้วโก้งโค้งไปหา
เฉียงฮ่าวปิงลอบโมโหโกรธเกรี้ยวในใจ มือกำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นผุดเต้นตุบๆ หากเขามีแก่นปราณธาตุลมคงไม่ต้องมาทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้
ศิลาดำ ไม่สามารถจับต้องได้ด้วยมือเปล่า
“เอ...ข้ารออยู่นานแล้วนะประมุขเฉียง” ลู่เยว่ชิงลืมตาขึ้นมา
“หนวกหู” เฉียงฮ่าวปิงเอ่ยจบ ก็เงยหน้ามอบริมฝีปากนุ่มประทับลงบนแก้มของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เพียงเสี้ยววิเขาก็ผละออก
“นี่ของ” ลู่เยว่ชิงดึงสติกลับมา ก่อนจะวางห่อผ้าสีเขียวลงบนฝ่ามือของเฉียงฮ่าวปิงแล้วกุมมืออีกฝ่ายไว้
“ปล่อย” เฉียงฮ่าวปิงเอ่ยเสียงเย็น
“ข้าปล่อยก็ได้ ไว้ข้าจะมาใหม่” พูดจบลู่เยว่ชิงก็กระโจนออกจากหน้าต่างไป
เฉียงฮ่าวปิงถอนหายใจยาว พลางกุมขมับ เขาเริ่มปวดศีรษะขึ้นมาอีกแล้ว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments