“นั่งใจลอยไปถึงผู้ใดกันน้องพี่” เสียงเอ่ยทักทำให้พระเทวีแห่งเหมันตฤดูหลุดจากภวังค์ ใบหน้าขาวสะอาดรับกับดวงตากลมโตสีเทาหันไปตามเสียงทันที
“พี่หญิงมานานแล้วหรือเพคะ” เสียงหวานถามผู้เป็นพี่ทันทีที่พระเทวีร่างสูงเดินเข้ามาในศาลาริมสวนหย่อมที่อยู่ท้ายปุณฑริกะอุทยาน
“เพิ่งมาถึง..เจ้ายังไม่ได้ตอบพี่เลยนะว่านั่งใจลอยด้วยเหตุใด” พระลักษะถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพคะ”
“แน่ใจนะจินดาเมขลา...” พระลักษะหรี่ตาถามพระเทวีร่างบางผู้เป็นน้องทีเล่นทีจริง
“แน่สิเพคะ น้องจะคิดถึงผู้ใดได้เล่ามีเชษฐาจอมหวงถึงสามองค์” จินดาเมขลาตอบพี่สาวด้วยรอยยิ้มหยอกเมื่อเห็นพระลักษะยักไหล่ทำหน้านิ่งที่ถูกเหมารวมว่าเป็นพี่ชาย เพราะนางเป็นน้องคนเล็กจึงถูกพี่ทั้งสามหวงเป็นพิเศษจนทำให้ไม่มีเทพบุตรองค์ใดกล้าเข้ามาเกี้ยวพาราศี
“แล้วพี่ศรุตกับพี่วสนุต*ล่ะเพคะ”
“พี่ก็ยังไม่เห็นเหมือนกัน เป็นผู้เรียกให้มาแท้ๆแต่กลับให้น้องๆต้องมารอ” พระลักษะว่าพร้อมกับนั่งลงข้างๆน้องสาว
“นินทาพี่อยู่หรือลักษณารี” เทพบุตรรูปร่างกำยำคิ้วเข้มรับกับใบหน้าคมสันอย่างลงตัวเอ่ยกับผู้เป็นน้องด้วยรอยยิ้ม
“ก็พี่ศรุตมาช้านี่เพคะ น้องก็ต้องบ่นเป็นธรรมดา” พระลักษะยักไหล่บอกกับพี่ชายคนโตอย่างกวนๆ
“พี่ว่าเจ้าก็เพิ่งมาถึงนะลักษณารีไม่น่าจะว่าได้หรอก จินดาเมขลามาตั้งนานยังมิเห็นบ่นเช่นเจ้าเลย” เทพบุตรรูปร่างปราดเปรียวผิวขาวเนียนท่าทางสำอางว่ากวนน้องสาวทันทีที่มาถึง
“แต่น้องก็มาถึงก่อนนะเพคะ” พระลักษะค้อนขวับให้พี่ชายคนรองทันทีที่ถูกหยอก
“เอาล่ะๆพอเท่านี้ก่อนนะน้องพี่ ที่พี่เรียกพวกเรามาในวันนี้เพราะพี่จะแนะนำพระเทวีของพี่ให้พวกเจ้ารู้จัก” พระศรุตรีบห้ามทัพทันทีเมื่อเห็นว่าพระวสนุตกำลังจะต่อปากต่อคำกับน้องสาวที่ตั้งท่ารอพร้อมรบ
“ไหนล่ะเพคะพระเทวีของพี่ศรุต น้องอยากเห็นเสียแล้วสิ” จินดาเมขลามองหาพระชายาของพี่ชายด้วยความตื่นเต้น ที่จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาในครอบครัว
พระศรุตเดินออกจากศาลาริมสวนไปครู่หนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับนางอัปสรรูปร่างอรชร ดวงหน้าขาวสะอาดผิวขาวเนียนซึ่งบัดนี้แดงน้อยๆด้วยความขัดเขิน
“นี่สุชาวดีอัปสร..ไม่ใช่สิต้องเป็นสุชาวดีเทวี” พระศรุตเอ่ยแนะนำชายาแก่น้องทั้งสามให้รู้จัก
“สุชาวดี นี่พระวสนุตเทพ พระลักษะเทวี และ จินดาเมขลาเทวี ทั้งสามเป็นพี่น้องร่วมสาบานของพี่”
“ยินดีต้อนรับนะเพคะ พระพี่นาง” จินดาเมขลาเอ่ยกับพระเทวีของพี่ชายด้วยน้ำเสียงสดใส ตามด้วยรอยยิ้มของพระลักษะที่ไม่ค่อยมีใครจะได้เห็นมากนักโดยเฉพาะนางอัปสรเช่นพวกนาง
“เอ่อ...ขอฝากตัวด้วยเพคะ” สุชาวดีเอ่ยอย่างไม่คุ้นชินเมื่ออยู่ท่ามกลางเหล่ามหาเทพและเทวีที่เป็นที่รู้กันดีถึงฤทธิ์เดชและความเก่งกาจ ยิ่งอยู่ต่อหน้าพระลักษะผู้เป็นเทวธิดาขององค์สักกะเทวราชแล้วยิ่งทำให้นางประหม่า
ใบหน้าคมสันที่หวานหน่อยๆเข้ากันกับคิ้วโก่งที่เข้มกว่าสตรีทั่วไป ดวงตากลมโตสีดำสนิทที่มีประกายเล็กๆนั้นช่างดูเหมาะกับโครงหน้าและริมฝีปากหยักสีแดงจางๆ จมูกโด่งรั้นที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพระเทวีผู้เป็นเจ้าของนั้นเอาแต่ใจและไม่ยอมใคร อีกทั้งรัศมีสีทองที่สว่างจ้านั้นก็ช่วยขับให้ผิวขาวละเอียดดูน่ามองจนนางเองยังอิจฉารู้สึกอยากมองอยากที่จะสัมผัส จึงไม่แปลกที่เหล่าเทพบุตรและนางอัปสรทั้งหลายต่างพากันหมายปองแต่ก็ไม่มีผู้ใดอาจหาญเข้ามาเกี้ยวพา
เพราะถึงพระลักษะจะเป็นสตรีแต่ความน่าเกรงขามนั้นถอดแบบมาจากพระบิดาไม่มีผิด ขนาดนางพบพระลักษะอยู่บ่อยครั้งก็ยังคงประหม่าเช่นนี้อยู่เสมอ
ไหนจะพระเทวีจินดาเมขลาที่มีใบหน้าเรียวคมดวงตากลมโตสีเทา ผิวขาวละเอียดที่ดูเหมือนจะละเอียดกว่านางอัปสรทั่วทั้งดาวดึงส์อยู่มากทีเดียว หรือไม่ก็เป็นเพราะรัศมีสีเงินวาวที่ทอประกายนั้น จึงทำให้นางช่างดูบอบบางและน่าทะนุถนอมราวกับดวงแก้วที่สวยงามและพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อหากร่วงลงกระทบพื้น ไม่แปลกใจเลยที่พระศรุตเหมือนจะคอยดูแลนางเป็นพิเศษกว่าพระลักษะ
ส่วนพระวสนุตเทพไม่ต้องพูดถึง รูปร่างสูงโปร่งผิวขาวอมชมพู ใบหน้าคมสันหล่อเหลาคิ้วเข้มที่พาดเฉียงรับกับตาคมสีน้ำตาลอ่อนทรงเสน่ห์ที่ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นเป็นต้องจ้องมองเหมือนถูกมนต์สะกด ยิ่งมีรัศมีสีกุหลาบที่ช่วยเพิ่มความน่ามองของมหาเทพองค์นี้ที่ได้ชื่อว่าทรงเสน่ห์ที่สุดในดาวดึงส์
“ไม่ต้องกลัวว่าพระลักษะจะกัดหรอกพระเจ้าค่ะพระพี่นาง ถึงนางจะดูน่ากลัวแต่ความจริงนางใจดีนะพระเจ้าค่ะ” พระวสนุตเอ่ยแกมหยอกเมื่อเห็นว่าคนตัวบางออกอาการเกร็งและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มิวายแขวะพระเทวีร่างสูงผู้เป็นน้อง
“เพคะ หากหม่อมชั้นกัดล่ะก็พี่วสนุตก็คงไม่ได้มายืนปากเสียอยู่ตรงนี้หรอก เพราะหม่อมฉันจะกัดพระองค์เป็นองค์แรกเลยเชียวล่ะ” พระลักษะส่งสายตาคาดโทษไปให้พี่ชายคนรองทันทีที่ถูกแขวะ
“เอาน่า..พี่ทั้งสองอย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยเพคะ วันนี้วันดีที่เราจะต้อนรับสมาชิกใหม่กันนะเพคะ” จินดาเมขลารีบห้ามเมื่อเริ่มเห็นท่าไม่ดี
“จะว่าไปวันนี้เจ้าหงุดหงิดอะไรมาหรือลักษณารี พี่เห็นเจ้าดูอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่มาถึงแล้ว” พระศรุตถามน้องสาวคนโตที่ปกติก็หงุดหงิดง่ายอยู่แล้วแต่วันนี้เขารู้สึกว่าน้องสาวเขาดูหงุดหงิดง่ายกว่าทุกวัน
“ก็เรื่องเดิมๆเพคะพระเสาร์เพิ่งจะก่อเรื่องกับพระอังคารเมื่อเช้าดีที่น้องไปทันเรื่องเลยไม่ใหญ่โต พอมาเจอพี่วสนุตกวนก็เลยหงุดหงิดง่ายไปหน่อยเพคะ” พระลักษะตอบพี่คนโตเป็นเชิงขอโทษ แต่ตาคมก็มิวายตวัดไปคาดโทษพี่คนรองที่ยืนอยู่อีกฝั่งของศาลา
“โอ๋ๆเอาเป็นว่าพี่ขอโทษก็แล้วกัน....เราดีกันนะน้องพี่ หากหายโกรธพี่จะยกอัปสรที่ตำหนักให้สองนางอยากได้นางใดไปเลือกเอาเลย” พระวสนุตรีบง้อน้องสาวทันทีที่ได้สายตาดุๆจากนาง
“ไม่เอาหรอก น้องมิใช่ผู้ที่ชื่นชอบในรูปสตรีเช่นพี่วสนุตนะ” พระลักษะส่ายหน้ากับของง้อของพี่ชาย ใครจะไปชอบกันเล่ามีเยอะก็ปัญหาเยอะ
ถึงพระวสนุตกับพระลักษะจะทะเลาะกันเป็นประจำแต่ในบรรดาพี่น้องรู้กันดีว่าทั้งสองรักและห่วงใยกันมากเพียงใด
“น้องเกือบลืมบอก อีกเจ็ดวันเสด็จพ่อจะทำพิธีดึงพลังของเทพนพเคราะห์ที่ลานหน้าพระจุฑามณีเจดีย์นะเพคะ” พระลักษะพูดพลางเอาคางเกยไหล่ของน้องสาวคนเล็กซึ่งถือเป็นสัญญาณบอกได้ว่าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“แล้วพี่หญิงเข้าร่วมด้วยหรือไม่เพคะ” จินดาเมขลาถามคนตัวสูงที่เกยคางอยู่บนไหล่ตน ถึงพระลักษะจะเป็นสตรีแต่ก็มีรูปร่างสูงกว่าสตรีทั่วไป อาจสูงกว่า
เทพบุตรหลายองค์และดูองอาจน่าเกรงขาม บางทีอาจมากกว่าพี่ชายคนรองเสียด้วยซ้ำคงเพราะเหตุนี้กระมังจึงทำให้พระวสนุตชอบแขวะพี่สาวของนางเพราะดูแข็งแกร่งมากกว่าจะงดงามอ่อนหวานตามแบบสตรี
“อื้ม...เทพผู้ดูแลทั้งเก้าจะต้องเข้าพิธีเพื่อเป็นผู้ดึงพลังเอง”
“มีอะไรที่พี่พอจะช่วยเจ้าได้ไหมลักษณารี” พระศรุตถามน้องสาวเมื่อเห็นแววตากังวลจากพระเทวีร่างสูง
“ในพิธีไม่น่าจะมีอะไรเพคะ แต่อาจมีปัญหาตามมาทีหลัง” พระลักษะตอบด้วยสีหน้าคิดไม่ตก
“ปัญหาอะไรหรือที่ทำให้น้องพี่กังวลได้ถึงเพียงนี้” พระศรุตถามด้วยความเป็นห่วงเพราะดูจากความกังวลในแววตาของพระลักษะแล้วน่าจะเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
“เสด็จพ่อจะนำพลังที่ได้บรรจุลงในแก้วมณี แล้วนำลงไปไว้ยังโลกมนุษย์เพคะ”
“เมื่อแก้วมณีที่มีอิทธิฤทธิ์อยู่ที่โลกมนุษย์ก็จะมีทั้งอสูร มนุษย์ และเทวดาบางพวกต้องการที่จะครอบครองใช่หรือไม่เพคะพี่หญิง'' จินดาเมขลาพอจะเดาเหตุการณ์ที่ทำให้พระเทวีร่างสูงกังวลออก
“ใช่แล้วล่ะจินดาเมขลา หากแก้วมณีถูกนำออกไปจากที่ซ่อนก็จะต้องมีผู้ไปนำมันกลับคืนสู่ที่เดิม อีกอย่างที่พี่ห่วงก็คือมณีดวงนี้มีพลังของเทพนพเคราะห์ทั้งเก้ารวมกันถึงแม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ แต่อานุภาพของมันก็อาจทำให้โลกมนุษย์นั้นพินาศได้ในพริบตาเชียวล่ะ”
“เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไปก่อนเลยน้องพี่ เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วพลังมันอาจไม่รุนแรงถึงขั้นนั้นก็ได้” พระวสนุตปลอบน้องสาวให้คลายกังวลเพราะเขาไม่เคยเห็นแววตากังวลแบบนี้จากพระลักษะเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา
“น้องรู้ดีเพคะพี่วสนุต เหล่าเทพผู้ดูแลต่างก็รู้ดีถึงพลังของเทพนพเคราะห์แต่ละองค์ ยิ่งหากนำมารวมกันก็จะยิ่งมีอำนาจมากถึงแม้พลังนั้นจะไม่ส่งผลต่อดาวดึงส์แต่อีกสองภพคงไม่อาจต้านทานได้แน่ๆ”
“พี่ว่าองค์ท้าวสักกะเทวราชคงเตรียมวิธีรับมือไว้แล้วล่ะ” พระวสนุตว่าพลางเอื้อมมือมาลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดูซึ่งต่างจากเมื่อครู่ที่เหมือนพร้อมจะมีเรื่องกันได้ทุกเมื่อหากไม่มีผู้ห้ามไว้ ทำให้คนที่เพิ่งรู้จักต้องหันไปหาภัสดาของตน
“ดูทั้งสององค์ก็รักกันดีนี่เพคะเจ้าพี่” สุชาวดีกระซิบถามภัสดา*เบาๆ
“ทั้งสององค์นั้นเขารักและเป็นห่วงกันเสมอนั่นแหละสุชาวดี เพียงแต่พระ วสนุตเป็นผู้ที่อารมณ์ดีเจ้าสำราญชอบเย้าแหย่ให้ผู้อื่นอารมณ์ดีมีเสียงหัวเราะ ขัดกับพระลักษะที่หงุดหงิดง่ายหากไม่ชอบอะไรก็จะพูดและแสดงออกตรงๆ เลยทำให้ทั้งสองมักจะทะเลาะกันบ่อยๆแต่ก็หาได้มีอะไรร้ายแรงหรอกที่ห้ามก็เพราะพวกเรารำคาญก็เท่านั้นเอง” พระศรุตตอบชายาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน จินดาเมขลาที่ได้ยินพี่ชายคุยกับชายาก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันกลับไปร่วมวงสนทนากับพี่ชายคนรองและพี่สาวต่อ
“เหตุใดเจ้าพี่จึงเรียกพระลักษะว่าลักษณารีเล่าเพคะ” สุชาวดีถามภัสดาด้วยความสงสัยเพราะนางเพิ่งจะเคยได้ยิน หากว่าได้ยินชื่อนี้ที่อื่นนางคงไม่รู้ว่าหมายถึงผู้ใด
“เป็นชื่อที่องค์สักกะเทวราชเรียกน่ะ พอสาบานเป็นพี่น้องกันแล้วนางก็ให้เรียกเช่นนั้นโดยบอกว่าเป็นชื่อที่เรียกกันในครอบครัว ต่อไปเจ้าเองก็ต้องเรียกชื่อนั้นเช่นกันนะไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกมหาเทวีแห่งไฟค้อนเอาเป็นแน่แท้” พระศรุตหันมาอธิบายแก่ชายายิ้มๆแล้วหันไปหาเหล่าน้องๆที่ทำท่าจะทะเลาะกัน
“ทั้งหมดดูรักกันดีจังเลยนะเพคะ” สุชาวดีรำพันกับตัวเองเบาๆมองภาพเบื้องหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าเหล่ามหาเทพและเทวีที่เขาร่ำลือกันถึงฤทธิ์เดชมหาศาลจะมีมุมอ่อนโยนและมาดกวนเฉกเช่นในตอนนี้ ที่มีพระวสนุตและพระลักษะตั้งท่าจะทะเลาะกันอีกหน โดยมีจินดาเมขลากับพระศรุตที่เป็นผู้คอยห้ามทัพสักพักก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากสี่พี่น้อง ทำให้นางส่ายหัวน้อยๆก่อนจะยิ้มออกมากับความน่ารักและอบอุ่นของเหล่าบรรดาพี่น้องของภัสดาตนที่จากนี้ไปก็จะเป็นครอบครัวของนางด้วยเช่นกัน
...๐๐๐...
...๐๐...
...๐...
[1] วสนุต อ่านว่า วะ-สะ-นุด
[2] ภัสดา อ่านว่า พัด-สะ-ดา แปลว่า สามี
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments