“โชล่ะครับป้า” ประพันธ์ภพถามหาลูกชายที่ปกติจะวิ่งเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้านเมื่อขับรถเข้ามาจอดในบ้านแล้วไม่เห็นเจ้าตัวเล็กวิ่งออกมารับอย่างเคย
“ดูการ์ตูนอยู่บนห้องค่ะ”
“ขอบคุณที่มาดูตาโชให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..เอ่อคุณภพคะป้ามีเรื่องอยากจะคุยหน่อยค่ะ” เฉลียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะถามหรือไม่ถามดี สุดท้ายก็ตัดสินใจถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยคงจะสบายใจกว่า
“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มนั่งลงตรงชิงช้าฮิบิสีน้ำตาลที่ตั้งอยู่ริมสนามหญ้ารอฟังสาวใช้ที่ทำงานกับพ่อเขามานานตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก
“เรื่องแม่ของคุณโชกุนค่ะ วันนี้เธอละเมอน่าสงสารมาก”
“ผมรู้ครับแต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เมื่อก่อนแกไม่เคยถามผมเรื่องนี้เลยนะครับพอเริ่มไปโรงเรียนแกก็เป็นอย่างที่ป้าเห็นนั่นล่ะครับ”
“ป้าอยากให้คุณภพหาพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้มาดูแลแบบใกล้ชิด หรือไม่ก็คุยเหตุผลกับเธอสักครั้งคุณโชเป็นเด็กฉลาดและเข้าใจอะไรง่ายๆป้าว่ามันน่าจะดีกว่าบอกปัดๆไปแบบนี้นะคะ” เฉลียวมองคุณหนูใหญ่ของตัวเองอย่างสงสาร จะบอกเรื่องของแม่กุลาแสนสวยเมื่อตอนบ่ายก็ไม่ได้ต้องรอให้คุณหนูเล็กให้ของขวัญซะก่อน
“ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้วจริงๆครับป้า ตายไปจากใจของผมและชีวิตของเราสองคนพ่อลูกตั้งแต่วันที่เธอทิ้งลูกเพิ่งคลอดไปกับผู้ชายคนนั้นแล้วครับ เธอไม่มีสิทธิ์แม้จะให้ลูกรู้ว่าเธอเป็นแม่ด้วยซ้ำ” ประพันธ์ภพบอกอย่างแค้นเคืองเมื่อนึกถึงวันที่ผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนั้นเดินจากเขาไปกับผู้ชายอื่นต่อหน้าต่อตา
“เรื่องนั้นป้าจะไม่ยุ่งค่ะ แต่ป้าอยากให้คุณภพบอกให้คุณโชเธอเข้าใจก่อนจะดีกว่านะคะป้าสงสาร”
“ผมจะพยายามนะครับ” ประพันธ์ภพรับคำเสียงอ่อย
“งั้นป้าไปบ้านใหญ่ก่อนนะคะ อาหารเย็นป้าทำไว้ให้ในตู้เย็นแล้วจะทานก็เอาออกมาอุ่นได้เลย” เฉลียวบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ชายหนุ่มหน้าคมนั่งทำหน้าไม่ถูกเมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องคุยกับลูกชาย
“ของขวัญครับพ่อ” โชกุนยื่นกล่องเนคไทให้เมื่อประพันธ์ภพเดินเข้ามาหาในห้องนอน
“ของขวัญ?”
“ครับ พ่อให้โชแล้วโชก็อยากให้พ่อบ้างครับ” ประพันธ์ภพรับกล่องเนคไทมาดูแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาในโทรศัพท์เครื่องของโชกุน ที่ทำให้เด็กชายยิ้มกว้างก่อนจะรีบกดรับสายด้วยท่าทีร่าเริงพูดให้ได้ยินอยู่ไม่กี่คำ
“ใครโทรมาครับโช” คนเป็นพ่อถามอย่างแปลกใจเมื่อลูกชายวางสายพร้อมรอยยิ้ม
“อ๋อ แม่ไออุ่นครับ” เด็กชายตอบด้วยรอยยิ้มที่มันเคยหายไปเมื่อเข้าโรงเรียน
“ไออุ่น? ใครครับพ่อไม่เห็นรู้จักเลย” ชายหนุ่มถามเสียงเข้มเมื่อรู้สึกถึงความไม่ปกติ
“เป็นพี่สาวใจดีที่ช่วยโชเลือกของขวัญวันนี้ครับ โชเลยขอให้พี่อุ่นมาเป็นแม่ของโชต่อไปนี้โชก็จะมีแม่เหมือนคนอื่นแล้วนะครับ” คำตอบอันไร้เดียงสาของลูกชายทำเอาประพันธ์ภพนิ่งไปชั่วขณะ
“เขาเป็นคนยังไงครับไว้ใจได้หรือเปล่า” ถึงแม้จะรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรที่มันชัดเจนกลับมาแต่ชายหนุ่มก็อดที่จะซักเจ้าลูกชายตัวดีไม่ได้ที่เล่นไปขอใครก็ไม่รู้มาเป็นแม่แบบนั้น ‘ถึงว่าสิป้าเล็กถึงถามแบบนั้น’
“แม่เป็นคนใจดีมากครับ สวยมากด้วยคืนนี้แม่ก็สัญญาว่าจะโทรมาเล่านิทานให้โชฟังก่อนนอนด้วยนะ” คนที่เพิ่งจะมีแม่รีบอวดทันที ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำรีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำทำให้คนเป็นพ่อต้องรีบกดดูเบอร์ที่โทรเข้ามาเมื่อครู่เพื่อจัดการอะไรบางอย่าง
ครืด ~~ ครืด~ ไออุ่นหยุดมือที่กำลังแต่งแต้มรอยยิ้มให้เด็กชายในภาพหันกลับมารับโทรศัพท์ในเวลาเกือบล่วงเข้าวันใหม่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“เบอร์ใครไม่คุ้นเลยแฮะ...สวัสดีค่ะไออุ่นพูดค่ะ” หญิงสาวรับสายอย่างสุภาพเพราะเป็นเบอร์แปลกกลัวว่าจะเป็นเรื่องงาน
“สวัสดีครับ ผมเป็นพ่อของโชกุน” เสียงทุ้มเข้มตอบกลับจากปลายสายทำให้มือบางที่กำลังเก็บพู่กันอยู่ชะงัก ก่อนจะจัดการล้างทำความสะอาดอย่างคล่องมือ
“ค่ะ” ไออุ่นรับคำสั้นๆเมื่อปลายสายเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร
“ผมถามคุณตรงๆเลยนะ คุณต้องการอะไรที่มาตีสนิทกับลูกชายผม” ใบหน้าขาวเริ่มแดงเล็กน้อยด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะบอกชื่อกลับถามคำถามชวนมีเรื่อง มือข้างที่เก็บอุปกรณ์วาดภาพวางของทุกอย่างลงทันทีเพื่อสงบอารมณ์ไม่ให้หงุดหงิดกับคำถามที่ดูเหมือนจะกวนประสาทของคนที่อยู่ปลายสาย
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเป็นการตอบแทนทั้งนั้นล่ะค่ะ ฉันสงสารโชกุนที่นอนละเมอเพ้อหาแม่ก็เท่านั้น”
“หึ บอกความจริงผมมาดีกว่าไม่ต้องเอาโชกุนมาอ้างนี่มันดึกมากแล้วผมไม่อยากฟังเหตุผลแม่พระที่ไม่มีอยู่จริง”
“ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย ฉันไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของคุณเลยนะคะแล้วฉันจะต้องหวังผลอะไรกับผู้ชายนิรนามอย่างคุณด้วย” ปลายสายถอนหายใจเล็กน้อยกับเหตุผลของหญิงสาว แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
“คุณตอบรับเป็นแม่ของลูกผมง่ายๆเลยนะ จะอ้างว่าไม่รู้จักผมมันคงเป็นเหตุผลที่ผมคงจะเชื่ออยู่หรอก”
“นี่คุณคะ ฉันรับเป็นแม่ของลูกชายคุณนะคะไม่ใช่เป็นภรรยาของคุณ ไม่ต้องมาซักเหมือนฉันไปฆ่าใครตายได้ไหม อีกอย่างฉันก็รับปากเปล่าไม่ได้บังคับให้คุณเซ็นยกโชกุนให้เป็นลูกบุญธรรมของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะทำหน้าที่ในส่วนที่ฉันทำได้ ส่วนเรื่องของคุณและที่บ้านคุณจะเป็นยังไงฉันไม่สนเพราะฉันไม่ได้อยากเกี่ยวข้องด้วยช่วยเข้าใจตรงกันหน่อย ฉันก็ขอตัวนะคะ มันจะตีหนึ่งอยู่แล้วพอดีว่าพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานน่ะค่ะ” ร่ายจบไออุ่นก็กดวางสายทันทีโดยไม่ต้องรอให้ปลายสายออกความคิดเห็นใดๆไม่พอ เจ้าเครื่องมือสื่อสารก็ถูกปิดเครื่องแล้วโยนไว้ที่โซฟาห้องรับแขก ก่อนเจ้าของของมันจะปิดประตูห้องนอนใส่อย่างไม่ใยดี
“ไอ้ผู้ชายบ้า ขนาดไม่รู้จักไม่เห็นหน้ายังทำให้ไม่ชอบได้ขนาดนี้สงสารก็แต่โชกุนมีพ่อแบบนี้โตมาคงไม่พ้นเป็นแบบเดียวกัน” ไออุ่นปาหมอนตุ๊กตารูปเอเลี่ยนตัวสีน้ำเงินลงพื้นอย่างแรงราวกับว่าเจ้าจอมเขมือบมันเป็นคนปลายสายเมื่อครู่ ก่อนสาวเจ้าจะเดินกระแทกส้นเท้าเข้าห้องน้ำไปเพื่อระงับอารมณ์
“...เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้....” ประพันธ์ภพขว้างโทรศัพท์ยี่ห้อหรูใส่ที่นอนอย่างอารมณ์เสียที่ผู้หญิงที่รับสมอ้างเป็นแม่ให้ลูกชายตัดสายเขาทิ้งไม่พอยังปิดเครื่องหนีอีก
“เธอเป็นใครถึงกล้าตัดสายฉัน” ชายหนุ่มขบกรามแน่น ตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารของไดมอนด์กรุ๊ปก็ไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนตัดสายใส่เขามาก่อน อย่าว่าแต่ตัดสายเลยแค่เขาปรายตาไปมองพวกหล่อนทั้งหลายก็พากันเดินมานั่งสยบบนตักเขาอย่างเต็มใจแล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันถึงกล้าทำแบบนี้ ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวใจก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายเพื่อลดความโมโห
...*...
“สวัสดีจ้ะน้องดำมาเร็วเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงเหน็บแนมดังมาจากหญิงร่างท้วมที่เพิ่งจะเยื้องย่างเข้ามาในแผนกด้วยชุดสูทและกระโปรงทรงเอที่ตะเข็บแทบจะปริออกจากกันอยู่แล้ว
“ขนาดมาเร็วก็ยังโดนบ่น ถ้ามาสายฉันว่าฉันคงโดนไล่ออกแล้วล่ะมั้งคะ” ไออุ่นตอบไปแบบไม่จริงจังนักแต่ทุกคำนี่กระแทกหน้าคนแซะจังๆจนหน้าชาแต่ก็ว่าอะไรไม่ได้
ส่วนไออุ่นก็เดินตรงไปยังโต๊ะของตัวเองด้วยท่าทีนิ่งๆเพราะเสียงของคนกวนประสาทยังคงตามหลอกหลอนจนนอนไม่หลับมาเป็นอาทิตย์ไม่พอ ท่านชายผู้สูงศักดิ์ยังมิวายโทรมาทำให้เธอรำคาญเล่นทุกวันอีก น้องดำผู้แสนเรียบร้อยของทุกคนเลยกลายเป็นสิ่งที่น่าตกใจระหว่างเพื่อนร่วมงาน
“นี่น้องดำเมื่ออาทิตย์ก่อนพี่เห็นเธออุ้มเด็กอยู่หน้าห้างนั่นลูกเหรอ” สาวเปรี้ยวประจำแผนกถามขึ้นพร้อมกับวางของที่เต็มไม้เต็มมือเมื่อเดินมาถึงโต๊ะเพราะไม่ได้เข้าออฟฟิศมานาน
“ค่ะลูกชาย”
“ต๊ายยยดำขนาดนี้ยังมีคนเอาด้วยเหรอ” เมื่อมีคนหนึ่งเปิดประเด็นหลายคนที่คอยเงี่ยหูฟังก็ยิงคำถามรัวกันเป็นชุด
“แม่ดำขนาดนี้ลูกจะไม่เป็นตอตะโกเลยเหรอ”
คำถามบูลี่ยังคงมีมาไม่ขาดสาย
“ไม่นะเมื่ออาทิตย์ก่อนเด็กผิวสีแทนนะไม่ขาวโบ๊ะแต่ก็เข้มหน่อยๆ”
“งั้นพ่อเด็กก็ต้องขาวอะดิ” เหล่ามนุษย์ผู้อยากรู้เรื่องชาวบ้านต่างพากันวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับไออุ่นที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ทุกวันจนชินจึงไม่ใส่ใจนัก เพราะตอนนี้ในหัวมีแต่คำพูดของพ่อลูกชายตัวน้อยตามมาหลอกหลอนถึงที่ทำงาน
“น้องไออุ่นมีแฟนแล้วเหรอทำไมพี่ไม่รู้เรื่องเลย” สมศักดิ์หนุ่มหล่อประจำแผนกแหวกวงล้อมเข้ามาถามหญิงสาวเพราะไม่เชื่อว่าคนอย่างไออุ่นจะมีลูกโตขนาดนั้นแล้วตนจะไม่รู้
“เด็กคนนั้นเป็นลูกฉันค่ะแต่กับพ่อเขาฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องด้วย” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงสะบัดเมื่อมีคนมาสะกิดสิ่งที่กำลังกวนใจ
“เลิกกันแล้ว?” สมศักดิ์ยิ้มออกเมื่อรู้ว่าหญิงสาวตัวคล้ำแต่ทรงเสน่ห์ยังใช้สถานะโสด
“ของที่ผ่านการใช้งานแล้วมันไม่มีคุณภาพหรอกค่ะพี่ศักดิ์ มันต้องสดๆซิงๆอย่างแอปเปิ้ลนี่ค่ะถึงจะเร้าใจ” หญิงสาวตัวบางในชุดเปรี้ยวเข็ดฟันแหวกกลุ่มคนมาเกาะแขนชายหนุ่มพร้อมส่งสายตาหวานเชื่อมทอดสะพานไปหาอย่างเปิดเผย
“หรี่ขนาดนี้ฉันว่าแกคงโทรมมากกว่าสดแล้วล่ะยัยแอ๊ป” ก้านสนหนุ่มมาดกวนแขวะคนที่ยืนเกาะเพื่อนตัวเองอย่างระอา
“ถ้ายังอยากมีปากไว้กินข้าวเที่ยงก็เงียบไปเลยไอ้ก้าน หน้าตาหมาไม่แดกแล้วยังจะกวนส้นอีก” แอปเปิ้ลหันไปแหวใส่คนที่คอยขัดแทบจะทุกเวลาที่เธอเข้าใกล้สมศักดิ์
“ปากเธอก็ใช่ย่อยหรอกนะมาติกา” เสียงเข้มๆของหัวหน้าแผนกดังแขวะคนกลุ่มใหญ่ที่สุมหัวกันเม้าท์มอยให้กระจายกันออกจากโต๊ะของไออุ่นทันที
“อคิราห์มาหาฉันที่ห้องด้วย” เสียงสั่งอันเฉียบขาดทำให้ไออุ่นต้องลุกตามไปทันที ตามหลังด้วยเสียงซุบซิบของเหล่ามนุษย์เผือกทั้งหลาย
“ที่นี่จะมีการปรับโยกพนักงาน ฉันอยากให้เธอพักร้อนสักสองอาทิตย์พวกปากหอยปากปูพวกนั้นจะได้ว่าเธอไม่ได้” พิมพ์ฉัตรยื่นใบลาพักร้อนให้หญิงสาวเมื่อประตูห้องปิดสนิท
“ทำไมหัวหน้าถึงให้ฉันไปพักร้อนก่อนล่ะคะ” ไออุ่นถามอย่างไม่เข้าใจ
“ผู้ใหญ่เค้าเห็นว่าเธอมีฝีมืออยากจะเก็บไว้ แต่ว่าพวกข้างนอกน่ะดีแต่ปากไปวันๆเขาเลยจะย้ายเธอขึ้นไปทำงานกับทีมครีเอทีฟ แต่จะย้ายปุบปับมันก็จะเป็นผลเสียกับเธอไปหน่อย ประจวบกับตอนนี้ผู้บริหารคนใหม่เขาจะเปลี่ยนระบบการทำงานใหม่ฉันเลยอยากให้เธอพักงานที่นี่ไปเลย ปล่อยให้พวกนั้นมันดิ้นรนกันเอาเองที่แผนกนี้มีผลงานก็เพราะเธอเข้ามาช่วย ลำพังพวกนั้นจะทำอะไรได้แค่ดูแลเว็บไซต์ในเครือข่ายยังจะเอาตัวกันไม่รอด” พิมพ์ฉัตรบอกอย่างเอือมระรากับลูกน้องในแผนก
“ฉันว่าเธอก็น่าจะชอบตำแหน่งนี้ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“คือ..มันดูเอาเปรียบพวกนั้นนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“อยู่ในวงการนี้เธอจะเป็นแม่พระในทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะอคิราห์ บริษัทให้โอกาสไม่ใช่พวกนั้นที่คอยแต่จะเอาเปรียบเธอ”
“เข้าใจแล้วค่ะฉันลาเลยนะคะ ขอบคุณสำหรับโอกาสและทุกๆอย่างที่หัวหน้าคอยช่วยฉันตลอดมาตั้งแต่วันแรกที่ฉันเข้ามาที่นี่”
“แล้วกลับมาคราวหน้าก็ล้างคราบดำๆนี่ออกได้แล้วนะ ทีมที่เธอจะไปอยู่เป็นทีมของเพื่อนฉันเองวางใจได้”
“หัวหน้ารู้?” ไออุ่นตาโตเมื่อความลับที่เธอพยายามปิดบังรั่วไหล
“รู้ตั้งแต่เห็นผิวเธอแล้ว คนอะไรวันนึงคล้ำมากคล้ำน้อยไม่เท่ากัน ไปเก็บของได้แล้วกลางเดือนหน้าเจอกัน” พิมพ์ฉัตรหลุดขำใบหน้าเหวอๆของลูกน้องคนสวยที่ช็อกไปชั่วขณะ
“แล้วเจอกันค่ะ” ไออุ่นปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อความลับแตกเพราะตัวเองกะสีไม่เท่ากันในช่วงแรกๆ ร่างบางเดินออกไปด้วยความคิดหลายๆอย่างที่มันกำลังตีกัน ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นแต่ก็เกรงใจที่หัวหน้าขอให้เธอหยุดตั้งเกือบเดือน
“อ้าวโดนไล่ออกแล้วเหรอน้องดำ” ปราณีชะเง้อข้ามโต๊ะมามองไออุ่นเก็บของ ทำให้คนอื่นๆต่างพากันหันมามองน้องดำประจำแผนก
“ค่ะ” คำตอบสั้นๆของร่างบางทำเอาหลายคนถึงกับกลืนน้ำลายฝืด ขนาดไออุ่นทำงานได้ผลงานเป็นที่ถูกใจฝ่ายยังโดนเตะออกกลางอากาศแล้วพวกตนจะไปเหลืออะไร
“จริงเหรอไออุ่น” สมศักดิ์เดินมาคว้าแขนบางให้เจ้าตัวหันมาสนใจตน
“จริงค่ะ ฉันถูกไล่ออกจากที่นี่แล้ว” ‘แต่ไปอยู่ตึกใหญ่แทน’ ไออุ่นต่อประโยคหลังในใจไม่อยากให้เสียแผนของหัวหน้าที่อุตส่าห์กันเธอออกพร้อมกับดึงแขนออกจากการเกาะกุมของสมศักดิ์อย่างไว้ตัว
“พี่ไปส่งไหมไออุ่นจะกลับยังไง” สมศักดิ์รีบขันอาสาไม่อยากปล่อยให้โอกาสที่จะทำคะแนนกับหญิงสาวหลุดมือไป
“คุณศักดิ์ไปทำงานดีกว่าค่ะ ที่นี่กำลังจะปรับระบบการทำงานใหม่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะโดนเหมือนฉันกันถ้วนหน้าค่ะ” คำบอกของหญิงสาวทำเอาทุกคนถึงกับหันไปมองหน้ากันอย่างหวาดๆ มองซองขาวในมือบางของน้องดำอย่างหวาดกลัว ก็เศรษฐกิจแบบนี้ใครจะอยากตกงานกลางเดือนกันล่ะแม้แต่สมศักดิ์เองก็กลับไปทำงานของตัวเองอย่างจำใจ
ครืด ~~ ครืด~ สมาร์ทโฟนเครื่องสีดำสั่นเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า ชื่อที่ปรากฏทำให้หญิงสาวยิ้มออกก่อนจะกรอกเสียงหวานลงไปจนเหล่าผู้ชายที่อยู่ในแผนกต้องหันกลับมามองเพราะไม่เคยได้ยินหญิงสาวใช้น้ำเสียงแบบนี้กับใคร
“ว่าไงครับคนเก่ง ไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอครับ”
‘ฮือๆแม่ครับมาหาโชหน่อยฮึก..ฮือๆโชเจ็บ’ เสียงสะอื้นของปลายสายทำให้ใบหน้าหวานนั้นซีดเผือดลงทันที
“โชใจเย็นๆนะลูก โชอยู่ที่ไหนบอกแม่มาซิ” ไออุ่นตั้งสติที่แทบจะไม่เหลืออยู่ให้คงที่ถามเด็กชายที่เอาแต่ร้องไห้ถึงสถานที่ที่เด็กชายอยู่
“ได้ครับเดี๋ยวแม่รีบไป” ร่างบางหอบกล่องกระดาษขนาดกลางออกไปอย่างรีบร้อนโดยไม่ได้ลาใครสักคน เพราะใจเป็นห่วงแต่เด็กน้อยตาคมที่เอาแต่ร้องหาเธอ ทั้งๆที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่กลับรู้สึกผูกพันประหลาดราวกับว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกตัวเองจริงๆ
“โอ๊ยยย จะร้องหาแม่แกไปถึงไหน หนวกหูฉันดูหนังไม่รู้เรื่อง” เสียงแหลมตวาดเด็กชายที่ถูกมัดขาข้างหนึ่งติดกับชิ่งช้าฮิบิข้างสนามหญ้าเมื่อเด็กชายร้องหาแต่พ่อแม่เสียงดังไปถึงข้างในบ้าน ทำให้พี่เลี้ยงสาวสวยคนใหม่ที่เพิ่งจะมาทำงานได้สองวันต้องออกมาตวาดพร้อมกับเทน้ำในถังใบเล็กที่ถือมาด้วยใส่เด็กชายจนเปียก ดีที่โชกุนซ่อนโทรศัพท์ได้ทันไม่อย่างนั้นคงใช้การไม่ได้หรือไม่ก็โดนยึดไปแล้ว
ไออุ่นที่รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดโดยไม่สนใจทาตัวดำอย่างเคย แล้วรีบมาที่บ้านหลังขนาดกลางแต่ก็หลังใหญ่กว่าทุกหลังในหมู่บ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นที่เคยมาเมื่ออาทิตย์ก่อน หญิงสาวถึงกับเข่าทรุดที่เห็นเด็กชายนอนอยู่บนพื้นปูนโดยขาข้างขวาถูกมัดติดกับขาตั้งชิงช้าที่ตอนนี้แดดเปรี้ยงไม่มีร่มเลยสักนิดมือบางหยิบกุญแจสำรองที่เฉลียวเคยให้ไว้ไขเข้าไปทันที
“โช..โชครับได้ยินแม่ไหมลูก” ไออุ่นเรียกเด็กชายที่หมดสติด้วยน้ำตานองหน้า พลิกร่างกายเล็กๆที่อ่อนปวกเปียกของลูกชายอย่างสำรวจ พบว่าที่ขมับซ้ายเขียวจนช้ำหัวใจของแม่จำเป็นนั้นแทบจะหยุดเต้นตามตัวมีรอยไม้เรียวอยู่เต็มหลังทั้งรอยเก่ารอยใหม่ ความโกรธพวยพุ่งขึ้นจนสุดขีดใครที่มันกล้าทำกับเด็กตัวเล็กๆได้ขนาดนี้ ร่างบางรีบอุ้มลูกชายออกไปเรียกแท็กซี่ทันทีและไม่ลืมที่จะหยิบเป้ใบเก่งของเด็กชายไปด้วย ต่อให้โกรธคนทำขนาดไหนตอนนี้ความปลอดภัยของเด็กชายสำคัญที่สุด
“โชได้ยินแม่ไหมลูก” ไออุ่นเรียกลูกชายตัวน้อยในอ้อมกอดด้วยหัวใจที่เบาหวิวเมื่อร่างเล็กไม่ตอบสนองใดๆกลับมา พลันมือบางก็ล้วงเอาโทรศัพท์ของเด็กชายออกมาแกะถุงพลาสติกที่มัดห่อเอาไว้ออกก่อนจะกดหาเบอร์ของพ่อเด็กชาย
“สวัสดีค่ะตอนนี้ฉันกำลังพาโชกุนไปที่โรงพยาบาลแถวๆบ้านคุณ รีบมาด่วนเรื่องอื่นเราคงต้องคุยกันยาว” หญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ถามอะไรเลยนอกจากถามว่าเธอใช้โทรศัพท์ลูกเขาได้ยังไงก่อนจะวางสายไปเมื่อแท็กซี่เลี้ยวเข้าโรงพยาบาล
“นัสไปโรงพยาบาล” ประพันธ์ภพบอกลูกน้องที่กำลังขับรถจะเลี้ยวไปทางบ้านให้ตรงไปโรงพยาบาลที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หลังจากที่เพิ่งจะบินกลับมาจากไปดูโครงการที่เชียงใหม่
ร่างสูงของประพันธ์ภพเดินลิ่วไปกระชากแขนบางของผู้หญิงที่ถือกระเป๋าใบโปรดของลูกชายที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“คุณเป็นใคร” เสียงเย็นถามร่างบางระหงที่ดวงตาแดงกำเหมือนเพิ่งจะผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
“ก่อนคุณจะถามว่าฉันเป็นใคร ช่วยถามก่อนไหมว่าโชกุนเป็นอะไร” ไออุ่นหันไปจ้องตาชายหนุ่มที่กระชากแขนเธออย่างเอาเรื่อง ก็พอจะเดาได้ว่าคนๆนี้ต้องเป็นพ่อของเด็กชายแน่นอนยิ่งน้ำเสียงชวนหาเรื่องนี้ยิ่งชัดเจน
ประพันธ์ภพถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อทั้งแววตาและน้ำเสียงนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นห่วงลูกชายเขามากกว่าสิ่งอื่น มือหนาจึงคลายออกจากแขนเรียวอย่างจนใจ
“โชโทรหาฉันเมื่อยี่สิบนาทีก่อนบอกแค่ว่าเจ็บมากแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ ฉันร้อนใจจึงไปดูที่บ้านคุณก็เห็นแกสลบอยู่ข้างชิงช้าขาข้างขวาถูกมัดติดไว้ ตามตัวมีรอยไม้เรียวที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือรอยเขียวช้ำที่ขมับซ้ายโชไม่ได้สติเลยตั้งแต่ที่ฉันเจอจนมาถึงที่นี่”
“คุณ..” ประพันธ์ภพพูดไม่ออกในหัวมันตื้อไปหมดเมื่อหญิงสาวเล่าอาการของลูกชายให้ฟัง ก่อนที่ทั้งสองจะได้คุยอะไรกันไปมากกว่านี้พยาบาลก็เข็นร่างเล็กๆของเด็กชายออกมาพร้อมเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์การแพทย์หลายอย่างจากห้องฉุกเฉิน ทำให้สามคนต้องวิ่งตามไป
“ขอโทษนะคะญาติเชิญรอตรงนี้ค่ะ” พยาบาลสาวกันประพันธ์ภพและไออุ่นไว้ด้านหน้าเมื่อกำลังจะเข็นเด็กชายเข้าห้องผ่าตัด
“ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ชายหนุ่มลุกไปถามหมอวัยกลางคนที่เดินทำหน้าไม่สู้ดีออกมา
“คนไข้มีเลือดคั่งในสมองครับ แม้มันจะไม่ใหญ่มากแต่เราจำเป็นต้องผ่าเอาก้อนเลือดออกแต่เลือดกรุ๊ปนี้ทางโรงพยาบาลเราไม่มีสำรองต้องทำเรื่องเบิก แต่อาการของคนไข้ตอนนี้เรารอได้ไม่เกิน24ชั่งโมงก่อนที่สมองซีกซ้ายจะทำงานผิดปกติ” ประพันธ์ภพหน้าเสียเมื่อรู้ดีว่าเลือดของลูกชายเป็นกรุ๊ปพิเศษที่ค่อนข้างหายาก
“น้องเลือดกรุ๊ปอะไรคะ” แม้ว่าใบหน้าหวานจะซีดลงทันทีที่ได้ฟังอาการของเด็กชายแต่ไออุ่นก็ยังมีสติพอจะถามไถ่เผื่อจะมีทางช่วย
“O-Negative ครับ” หมอตอบอย่างหนักใจ
“ฉันมีเลือดกรุ๊ปเดียวกันค่ะ” หมอพยักหน้าให้พยาบาลพาหญิงสาวไปอีกห้องเพื่อเจาะเลือด
ประพันธ์ภพเดินตามไปเงียบๆ ในหัวตอนนี้ทุกอย่างมันตีกันไปหมดแต่รู้สึกได้อย่างหนึ่งคือผู้หญิงคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นห่วงลูกชายเขาไม่น้อยไปกว่าตัวเขาที่เป็นพ่อแท้ๆ
“อย่าเป็นอะไรไปนะโชอยู่กับแม่นานๆนะลูก” ไออุ่นพึมพำก่อนจะหลับไปเพราะความเพลียเมื่อพยาบาลนำเลือดถุงสุดท้ายออกไป เป็นจังหวะเดียวกันกับประพันธ์ภพเดินกลับเข้ามาในห้องพอดี
ใบหน้าหวานที่ซีดจนเห็นได้ชัดทำให้คนที่เดินเข้ามานั้นมองด้วยความชื่นชมปนเห็นใจ มือหนาดึงผ้าห่มมาคลุมร่างบางเพื่อให้ความอบอุ่นแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง
“พี่เลี้ยงคนนั้นยังอยู่ในบ้านครับ ผมให้คนของเราเฝ้าเอาไว้แล้วครับหนีไม่ได้แน่นอน” มนัสเข้ามารายงานหลังจากไปตรวจสอบตามที่หญิงสาวคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงเล่าปรากฏว่าทุกอย่างเป็นความจริงทั้งหมด
“เธอเป็นคนที่ฉันเคยคุยด้วย เพิ่งไปเจอกันตอนที่ฉันไปหาพี่เลี้ยงที่ศูนย์เธอจึงอาสามา เมื่อก่อนเธอเป็นคนน่ารักมากเลยนะ ฉันไม่คิดว่าจะทำลูกฉันได้ขนาดนี้” ประพันธ์ภพบอกเสียงเครียดในใจเริ่มร้อนรุ่มก่อนจะเดินออกมาเฝ้าที่หน้าห้องผ่าตัด
“คุณ..โชกุนเป็นยังไงบ้าง” ไออุ่นเดินเข้าไปถามชายหนุ่มที่นั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องผ่าตัดเมื่อรู้สึกตัว
“หมอยังไม่ออกมาเลยคุณ” เมื่อได้คำตอบหญิงสาวถึงกับทรุดนั่งจนประพันธ์ภพเกือบจะลุกไปประคองถ้าไม่ติดว่าหญิงสาวร่างระหงนั่งลงที่เก้าอี้พอดี
“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับทุกอย่างเป็นไปด้วยดี พักฟื้นสักสามวันรอดูอาการถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อนก็กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ครับ” หมอบอกแล้วเดินจากไป น้ำตาแห่งความดีใจล้นเอ่อจนไหลออกจากตากลมคู่งามจนคนที่ยืนมองอดยิ้มตามไม่ได้ นี่เขาเจอผู้หญิงที่รักลูกเขาขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ
“แม่..ฮึก ฮือ แม่อยู่ไหน พ่อ..ฮึก พ่ออยู่ไหนคับโชเจ็บฮึก..โชกลัวฮือๆ” เมื่อเริ่มรู้สึกตัวเด็กน้อยก็เริ่มร้องไห้เพราะสิ่งที่พบเจอก่อนหมดสตินั้นมันยังคงฝังอยู่ในใจ
“แม่อยู่นี่แล้วครับคนเก่งแม่อยู่นี่แล้ว” ไออุ่นจับมือเล็กๆมาแนบที่แก้มขาวมือบางอีกข้างลูบหัวที่เพิ่งจะถูกโกนผมออกเพื่อผ่าตัด บอกคนที่กำลังละเมอกลัวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนคนที่ตั้งท่าจะถามต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน
“แม่อุ่นฮือๆโชคิดถึงแม่ฮือๆ”
“ไม่ร้องแล้วนะครับ แม่อยู่นี่แล้วคุณพ่อก็อยู่นะ” ไออุ่นชี้ให้เด็กชายมองไปอีกฝั่งของเตียงที่ชายหนุ่มนั่งมองเด็กชายด้วยสายตาอ่อนโยน
“พ่อฮือๆ นิตีโชเอาจานแก้วขว้างใส่โช” เด็กชายบอกอย่างหวาดกลัวมือข้างหนึ่งจับไออุ่นไว้แน่นหญิงสาวลูบมือเล็กเบาๆให้เจ้าตัวได้เบาใจ
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูก พ่อจะไม่ให้เค้าอยู่กับเราแน่ๆตอนนี้โชต้องนอนพักเยอะๆนะครับ” เด็กชายหันไปทางแม่ที่นั่งอยู่อีกข้าง มือบางเช็ดน้ำตาออกจากตาคมดวงน้อยอย่างเบามือด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“นอนพักเถอะครับ แม่จะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนแน่นอน” เด็กชายหลับตาลงอย่างว่าง่ายเมื่อหญิงสาวให้สัญญาเพราะฤทธิ์ยายังไม่หมด
“ฉันฝากคุณอยู่กับโชกุนก่อนนะคะ” ไออุ่นหันไปบอกมนัสที่นั่งอยู่โซฟาอีกมุมให้พยักหน้ารับคำขอร้อง
“ส่วนคุณตามฉันมาข้างนอกหน่อยค่ะ ฉันว่าคุณกับฉันเรามีเรื่องต้องทำความเข้าใจกัน” ไออุ่นบอกแล้วเดินนำออกไปให้ประพันธ์ภพเดินตามออกไปทันที
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments