ตอนที่ 02

“บอกเลยว่าฉันไม่คุ้นกับแกลุคนี้เลยจริงๆอุ่น” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มตามแบบฉบับของลูกผสมไทยจีนว่าให้เพื่อนสาวตัวคล้ำ เมื่อไออุ่นและนลินเดินเข้ามาในร้านอาหารที่นัดกันกันไว้

“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วฉันจะได้ทำงานยาวๆจนถึงวันนี้ไหมล่ะ ไม่โดนเจ้านายหัวงูก็เพื่อนร่วมงานชีกอ นี่ยังไม่รวมพวกพนักงานหญิงที่คอยหาเรื่องมาให้เพราะผู้ชายที่พวกหล่อนหมายตามายุ่มย่ามกับฉันอีก” ไออุ่นบอกด้วยใบหน้าขยาดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา

“จ้าๆ แม่คนสวยแม่เจ้าหญิงหลงยุค ไม่รู้หลุดออกมาจากวรรณคดีเรื่องไหน” นันทิกานต์แขวะเพื่อนอย่างหมั่นไส้แต่ปากเล็กก็ระบายยิ้มกับคำพูดที่ว่าเพื่อนเมื่อครู่

“แล้วยัยขวัญยังไม่มาอีกเหรอฉันว่าพวกฉันมาช้าสุดแล้วนะเนี่ย” นลินชะเง้อคอมองรอบๆหาเพื่อนอีกคนที่น่าจะมาถึงก่อนตนและไออุ่น

“ยังไม่เห็นเลย นี่กะว่าถ้ายังไม่มีใครมาอีกห้านาทีฉันก็จะกลับ มีอย่างที่ไหนมาเลทกันเกือบครึ่งชั่วโมง”

“ก็ยัยลินน่ะสิบอกอยู่ส่งเด็กแป๊บเดียว ไปๆมาๆกลายเป็นเกือบชั่วโมง”

“ก็แม่ของเด็กเขาติดธุระมาช้านี่นาจะให้ชั้นปล่อยได้ยังไง”

“แล้วครูอีกคนล่ะจ๊ะ”

“ก็...”

“พอๆไม่ต้องเถียงกันฉันปวดหัว สั่งอะไรไว้รอกันเลยดีไหมไว้ยัยขวัญมาแล้วค่อยสั่งอีกที” นันทิกานต์ห้ามทัพของสองสาวก่อนที่จะปวดหัวเพิ่ม

“ใคร..ใครจะสั่งอาหารก่อนฉัน” เสียงเข้มดังเข้ามาในโซนวีไอพีที่สามสาวนั่งอยู่ ก่อนที่เจ้าของเสียงคนสวยจะเดินตามเข้ามานั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่

“ยังมีหน้ามาโกรธอีกเหรอคะ คุณมาช้าเกือบชั่วโมงนะคะคุณพาขวัญ” นันทิกานต์หันขวับไปแขวะใส่เพื่อนสาวอีกคนทันทีเมื่อใบหน้าสวยๆยิ้มแป้นแล้นโดยไม่ได้สำนึกว่าตัวเองสาย

“ก็รถมันติดแล้ว...” พาขวัญที่อธิบายเหตุผลให้เพื่อนฟังหันไปหาสาวตัวคล้ำที่นั่งจิบน้ำมองตัวเองยิ้มๆ

“ไออุ่น!” พาขวัญอุทานด้วยเสียงสูงเมื่อมองเพื่อนดีๆ ดีที่ตรงนี้เป็นโซนส่วนตัวที่มีเพียงโต๊ะเดียวไม่อย่างนั้นคนรอบข้างคงได้หันมามองกันเป็นแถบกับอาการตกใจของคนมาใหม่

“นี่แกนึกครึ้มอะไรของแกเนี่ยถึงทาตัวดำเป็นน้องกุลาแบบนี้” พาขวัญที่เพิ่งเจอไออุ่นเป็นครั้งแรก หลังจากไม่ได้เจอกันเกือบสามเดือนเพราะเจ้าตัวต้องไปดูงานของบริษัทที่อังกฤษเพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วันจึงนัดเพื่อนๆมากินข้าวกันเพราะคิดถึง

“สั่งอาหารกันก่อนไหม สงสารพยาธิฉันหน่อยมันร้องขอมาครึ่งชั่วโมงละ” นลินบอกแล้วหยิบเมนูขึ้นมาดูก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งอาหารเพราะถ้าให้เล่าตอนนี้คงอีกนานกว่าจะได้กินข้าว

ณ บ้านโชตินวจินดา

“พ่อคับทำไมโชถึงไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ” คำถามซื่อๆของเด็กน้อยวัยสี่ขวบทำเอาชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าถึงกับสะอึก

“โชมีแม่ครับแต่แม่ของโชตายไปแล้วครับ”

“เพื่อนที่โรงเรียนแม่เขาก็ตาย แต่ทำไมเขาถึงมีแม่ใหม่ล่ะคับ แล้วทำไมโชถึงไม่มีแม่ใหม่บ้าง”

“การหาแม่ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับโชกุน ถ้าเกิดพ่อภพหาแม่ใหม่แล้วรักแม่ใหม่มากกว่าแล้วก็ลืมโช แบบนี้อาว่ามันไม่ดีหรอกจริงไหม” เสียงนุ่มดังแทรกบทสนทนาของสองพ่อลูกที่นั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำหลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้ว

“จริงเหรอคับอาพริม” เด็กชายตาโตทำหน้าราวจะร้องไห้เมื่อได้ยินว่าพ่อจะไม่รัก

“เพราะอย่างนั้นพ่อจึงต้องเลือกคนดีๆมาเป็นแม่ใหม่ให้โชไงครับ ถ้าเป็นคนดีเขาก็จะรักโชเหมือนที่พ่อรักเหมือนที่อาพริมและคุณปู่คุณย่ารักไงครับ”

“แต่โชไม่อยากโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ในวันแม่ของโรงเรียน” เด็กชายก้มหน้าซ่อนความเสียใจเมื่อนึกถึงบรรยากาศของงานวันแม่ที่ผ่านมาที่ไม่มีใครไปเป็นแม่ให้ตนเอง

สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความสงสารเด็กชายที่วันนี้เศร้าเป็นพิเศษคงจะเป็นเพราะเรื่องนี้

“คุณหนูค่ะมีเพื่อนมาหาค่ะ” สาวใช้หน้าตาน่ารักเดินเข้ามาบอกให้เจ้าของวันเกิดไปต้อนรับเด็กชายจึงเดินไปอย่างว่าง่ายเมื่อพ่อพยักหน้าอนุญาต

“เอาไงล่ะพี่ภพ ไม่หาให้หลานหน่อยเหรอ” พริมานั่งลงถามพี่ชายด้วยรอยยิ้มกวนเพราะรู้ว่าประพันธ์ภพเข็ดกับเรื่องพวกนี้ขนาดไหน

“พี่เลี้ยงของโชกุนก็จับตัวเองใส่พานถวายตัวให้แทบจะทุกเวลาอยู่นะ” ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มอีกคนเดินเข้ามาเอ่ยหยอกเมื่อได้ยินบทสนทนากันเมื่อครู่

“พี่ถึงต้องไล่ออกแทบจะทุกเดือนอยู่เนี่ย” ประพันธ์ภพตอบอย่างระอากับลูกจ้างที่จ้างมาเป็นพี่เลี้ยงแต่กลับอยากได้ตำแหน่งแม่เลี้ยงกัน

“พี่ศินมีแนะนำบ้างไหมล่ะได้ข่าวว่ามีสต็อกเยอะไม่ใช่เหรอ” พริมาได้ทีแขวะพี่ชายคนรองที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันด้วยความสนิทสนม

“มีน่ะมี แต่เอามาทำพันธุ์ไม่ได้หรอกแต่ละนางมีดีแค่สวยและเซ็กส์เท่านั้นแหละ” พศินบอกด้วยท่าทีสบายๆราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติให้คนถามได้แต่ค้อนในใจกับท่าทางไม่ยีหระของพี่ชาย

“จับกลุ่มคุยอะไรกันคะพี่น้อง” พริสรที่เดินเข้ามาใหม่นั่งลงข้างๆน้องสาวถามพอเป็นพิธี เพราะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องสาวๆของสองหนุ่ม

“พี่สรจะกลับเมกาเลยเหรอ” พริมาถามพี่สาวที่แต่งตัวเตรียมจะไปขึ้นเครื่อง

“เปล่าจะไปปารีสน่ะไปเตรียมแฟชั่นวีค เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนงานที่จะโชว์ยังไม่เรียบร้อยเลย”

“เสร็จงานแล้วแวะไปหาพ่อกับแม่ที่แอลเอด้วยนะบ่นหากันใหญ่แล้ว” พศินบอกน้องสาวที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจ เพราะเจ้าตัวหนีไปเรียนออกแบบพอจบก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปๆมาๆระหว่างอเมริกากับฝรั่งเศสไม่ค่อยจะมีเวลาว่างกับคนอื่นเขานักหรอก ที่มาไทยก็เพราะมาเปิดสาขานำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองไม่งั้นคงไม่มีทางได้เห็นพริสรในงานวันเกิดของหลานชายแน่ๆ

“นี่ถ้านายเพไม่ติดสอบเราห้าพี่น้องคงได้อยู่พร้อมหน้ากันในรอบสี่ปีเลยล่ะมั้ง” ประพันธ์ภพบอกด้วยรอยยิ้มที่เห็นพี่น้องพร้อมหน้าจะขาดก็แต่น้องชายคนเล็ก

“ใครถามหาผมเหรอครับ” เสียงทุ้มดังเข้ามาทักทายอย่างสดใส ก่อนที่ร่างสูงของหนุ่มนักศึกษาคณะบริหารปีสุดท้ายจะเดินทำหน้าตาทะเล้นนั่งลงข้างๆพศิน

“ไหนบอกพี่ว่าติดสอบ” ประพันธ์ภพถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก

“ก็เสร็จเร็ว นี่ขนาดรีบบึ่งรถมาเลยนะแต่ขอบอกว่ารถที่กรุงเทพเนี่ยติดแบบมหากาฬมาก นั่งแช่ตั้งเกือบสามชั่วโมงอ่ะ” เพทายบ่นด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายแล้วยกน้ำแดงของพี่สาวขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้ว

“ไหนๆก็อยู่กันครบห้าพี่น้องโชตินวจินดาแล้วเรามาถ่ายรูปเป็นที่ระทึกหน่อยดีกว่า” ดีไซเนอร์สาวยกโทรศัพท์ขึ้นประกอบคำพูดตนเองแล้วเรียกสาวใช้ที่อยู่ใกล้ๆมาถ่ายรูปให้ ก่อนที่ทั้งหมดจะนั่งร่วมเฟรมเดียวกันเก็บภาพอย่างสนุกสนาน

โดยมีประพันธ์ภพที่เป็นพี่ใหญ่นั่งตรงกลางข้างกันกับพศินที่เป็นพี่คนที่สอง อีกข้างเป็นพริสรพี่คนที่สาม พริมายืนข้างหลังคู่กับน้องเล็กอย่างเพทาย ทั้งหมดโพสท่าด้วยท่าที่เป็นทางการในภาพแรก ก่อนจะเปลี่ยนท่าตามความคิดของน้องเล็กและน้องสาวคนโต ทั้งห้าต่างหัวเราะและยิ้มให้กันด้วยความสุขใจที่นานๆทีจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน เพราะแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งดูแลบริษัทของครอบครัวและงานที่ตัวเองรักและเลือกที่จะทำ

...*...

“...สรุปว่าจากรจนาแสนงามเลยกลายมาเป็นกุลาแสนสวยเพราะเรื่องที่ทำงาน?” พาขวัญสรุปเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของเพื่อนสาวหน้าหวานที่กลายเป็นน้องดำประจำกลุ่ม

“จะว่าไปแกก็น่าจะผันตัวไปเป็นศิลปินเต็มตัวไม่ดีกว่าเหรอ นั่งๆนอนวาดภาพไม่กี่ชั่วโมงก็ขายได้ละ” นันทิกานต์เสนอหนทางแก้ให้เพื่อนเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวก็พอมีฝีมือ

“ฉันมันก็แค่คนธรรมดามือสมัครเล่นไม่มีชื่อเสียงอะไร วาดภาพก็งั้นๆจะไปสู้ศิลปินที่มีชื่อเสียงได้ยังไง หากภาพขายไม่ออกไม่อดตายก่อนหรือไง” ไออุ่นบอกด้วยท่าทีไม่จริงจังดูดนมเย็นแก้วโปรดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“ไปทำงานกับพี่นาทไหมล่ะพี่ฉันยังรอแกเสมอนะ ถึงพี่นาทจะไม่หล่อเข้มแบบสเปคในฝันของแกแต่พี่ชั้นก็หล่อตี๋สไตล์เกาหลีนะแก” นันทิกานต์ได้ทีขายพี่ชายให้เพื่อนอย่างที่เคยทำเป็นประจำจนสองคนที่นั่งข้างๆทำหน้าเบื่อโลก

“ชั้นก็บอกแกแล้วหนิว่าชั้นคิดกับพี่นาทแค่พี่ชายน่ะ”

“ใช่! แกขายพี่ให้ไออุ่นมันตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ทำงานกันหมดแล้วก็ยังไม่เลิกอีก ไม่เบื่อบ้างหรือไงวะ” นลินส่ายหน้าระอากับความมั่นหน้าในความหล่อของพี่ชายตัวเองของนันทิกานต์

“นั่นสิ จากที่ชั้นเคยปลื้มพี่แกตอนนี้นี่เอือมมากบอกเลย” พาขวัญผสมโรงกับเพื่อนเมื่อเห็นนันทิกานต์หันไปแยกเขี้ยวใส่นลิน ไออุ่นยิ้มขำให้เพื่อนๆที่นานๆทีจะได้มีโอกาสกินข้าวนั่งชิลพร้อมหน้าพร้อมตากันครบแก๊งค์

“เออ..แล้วน้าพรเป็นไงบ้างเห็นว่าเพิ่งผ่าเสร็จ” พาขวัญหันไปถามไออุ่นถึงแม่ที่เพิ่งจะผ่าตัดเอาเนื้อที่หลังออกเพราะมีเชื้อก่อมะเร็ง

“ก็เกือบหายดีแล้วล่ะ ผลตรวจล่าสุดออกมาว่าไม่มีเชื้อแล้วแต่หมอก็ยังนัดไปตรวจเป็นระยะในช่วงหกเดือนแรก”

“แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะแกเอามาจากไหนไม่เห็นยืมฉันเลย” นลินถามอย่างสงสัยเพราะตอนแรกเพื่อนสาวบอกจะขอยืมหากไม่พอ

“เงินเก็บทั้งหมดของฉันน่ะ ดีที่มันไม่เกินล้านไม่งั้นฉันได้ไปเรี่ยไรจากพวกแกทุกคนแน่ๆ” ไออุ่นตอบเพื่อนขำๆ

“พวกชั้นเต็มใจช่วยย่ะ ไม่ต้องเรี่ยไรก็ยินดีช่วย” พาขวัญยีผมสีดำสนิทของเพื่อนอย่างเข่นเขี้ยวก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

“จะไปไหนต่อมะหรือจะกลับเลย” นลินถามร่างบางผิวคล้ำที่เดินตามหลังมาหลังจากแยกกันกับเพื่อนๆแล้ว

“กลับเลยก็แล้วกันนี่ก็ทุ่มแล้วกว่าจะถึง”

“ต้องบอกว่ากว่าจะฝ่าดงรถติดไปได้” หญิงสาวร่างบางผิวขาวอมชมพูแก้ความหมายให้เพื่อนใหม่เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก่อนจะเลี้ยวรถออกจากร้านประจำ

“นี่จะไม่มีใครนอนที่บ้านใหญ่เป็นเพื่อนผมเลยเหรอครับ” เพทายตีหน้าเศร้าเมื่อพริมาและประพันธ์ภพกำลังเดินไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบสิบไร่ใจกลางกรุง

“นี่! บ้านพี่ห่างกันสองซอยอย่ามาทำตัวเป็นเด็ก” ประพันธ์ภพว่าให้น้องชายคนเล็กสุดอย่างเอือมๆโดยมีลูกชายหลับอยู่บนบ่า

“พรุ่งนี้พี่ก็มีงานที่กองปราบแต่เช้าและคงจะหายยาวไปสักพักกว่าจะทำคดีใหม่เสร็จ” พริมาตบบ่าน้องเบาๆแต่เจ้าตัวกลับทำหน้าเหมือนว่าเจ็บมาก จนพี่สาวคนสวยตบแรงๆป๊าบใหญ่ให้เจ้าตัวได้ร้องโอดโอย

“พี่ภพพาหลานกลับบ้านเถอะไม่ต้องสนใจเด็กโข่งแถวนี้หรอก ศินได้ยินคุยโทรศัพท์กับเพื่อนว่าจะออกไปท่องราตรีกันอยู่”

“โธ่พี่ศินนานๆจะมีพี่ๆมาให้อ้อนที รีบบอกไปไหนเนี่ย” เพทายบอกอย่างเคืองๆแล้วรีบพาตัวเองออกจากรัศมีฝ่ามือของพี่สาว แต่ก็ไม่พ้นขายาวที่เตะเข้าที่ก้นอย่างจังเมื่อมือตีไม่ถึง เรียกเสียงหัวเราะครืนใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง

“แล้วนี่พี่จะกลับเมกาเลยเหรอเห็นเด็กเตรียมกระเป๋าใส่รถ”

“เครื่องที่สิงคโปร์มีปัญหาน่ะพี่ว่าจะไปดูหน่อย ลำนี้เพิ่งจะซื้อมาไม่ถึงปีถ้ามันยังอยู่ในประกันพี่ก็จะเปลี่ยนเครื่องใหม่แล้วก็เปลี่ยนบริษัทที่รับทำด้วย”

“แล้วพี่จะสั่งทำที่ไหนล่ะมีไม่มากหรอกนะที่เขาจะสร้างเครื่องบินขายน่ะ”

“อยู่อเมริกาเป็นของเพื่อนพี่เอง สร้างเครื่องบินรบให้กองทัพมาตั้งแต่รุ่นปู่ที่นี่ไว้ใจได้แน่”

“แล้วจะให้เขาสร้างเครื่องบินโดยสารเนี่ยนะ” เพทายนิ่วหน้าไม่เข้าใจในความคิดของพี่ชายแต่ก็ทำได้แค่ยักไหล่แล้วเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้พี่ชายยืนส่ายหน้าระอาเพราะยังไงก็ยังดูไม่ออกว่าหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเพทายจะขึ้นมาบริหารบริษัทผลิตและส่งออกเครื่องประดับที่เป็นธุรกิจหลักของโชตินวจินดามาตั้งแต่รุ่นปู่ได้ยังไง

...*...

“ยังไม่นอนอีกหรือลูก” อำพรนั่งลงข้างๆลูกสาวที่นั่งวาดภาพอยู่ริมระเบียงห้องนอน

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะค่ะ” ไออุ่นวางพู่กันลงแล้วเอนตัวซบอกมารดาอย่างอ้อนๆเหมือนเช่นทุกวัน

“แม่ไม่อยู่อุ่นต้องรีบนอนนะลูกเดี๋ยวตอนเช้าจะตื่นไม่ทันไปทำงาน”

“อุ่นก็ไม่ได้นอนดึกขนาดนั้นซักหน่อย” หญิงสาวย่นจมูกบอกอย่างงอนๆกับเสียงหัวเราะเล็กๆของมารดา

“ตากับยายจะมารับแต่เช้าเลยหรือเปล่าคะ”

“คงไม่น่าจะเกินแปดโมงหรอก ยายเค้าไม่ชอบรถติดน่ะ”

“ถ้าไม่ติดว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่นะอุ่นจะไปอยู่บ้านสวนด้วย”

“เยอะไหมอุ่น” อำพรถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อรู้ว่าลูกสาวกู้เงินธนาคารมาเป็นค่ารักษาตน

“แสนกว่าๆค่ะ เงินเก็บอุ่นไม่พอเลยต้องกู้ แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะทำงานไม่ถึงปีอุ่นว่าอุ่นใช้หมดแน่ๆ” ไออุ่นกอดอกเชิดหน้าเหมือนเด็กๆให้มารดาได้ยิ้มออก

“อย่าหักโหมเกินไปล่ะ เอาเงินตาก่อนไหมเดี๋ยวแม่คุยให้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอุ่นอยากยืนด้วยขาของตัวเอง ตอนนี้อุ่นยังหาได้อยู่ไม่ได้เดือดร้อน เอาไว้มันจนมุมจริงๆเดี๋ยวอุ่นไปขอตาเองค่ะ แค่ตากับยายเห็นหน้าอุ่นก็ใจอ่อนแล้ว”

“จ้าแม่คนเก่ง รีบนอนนะลูก” อำพรหอมหน้าผากมนของลูกสาวอย่างเข่นเขี้ยวด้วยรอยยิ้มหวานก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของลูกไปเพื่อเตรียมตัวกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านสวนตามคำแนะนำของแพทย์เจ้าของไข้

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะพ่อ แม่หายแล้วนะคะเราผ่านจุดนั้นมาได้แล้วค่ะ” ไออุ่นคุยกับภาพที่เพิ่งวาดเสร็จด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกับแม่ที่มีให้เธอเมื่อครู่

ผู้ชายหน้าตาคมเข้มอุ้มเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบด้วยแขนข้างเดียว แก้มยุ้ยๆข้างหนึ่งถูกหญิงสาวหน้าหวานหยดราวกับดารานางแบบหอมค้างไว้ด้วยความรัก ภาพนี้เป็นภาพเดียวกับภาพที่อยู่ในล็อกเก็ตรูปหยดน้ำสีเงินลายผีเสื้อที่แม่ของเธอไม่เคยถอดเลยสักครั้งตั้งแต่ที่พ่อของเธอให้เป็นของขวัญ

“อุ่นจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดเหมือนอย่างที่พ่อเคยทำ เป็นกำลังใจให้อุ่นด้วยนะคะ” หญิงสาวมองลงไปยังแปลงดอกไม้สีขาวที่ชูช่อส่งกลิ่นหอมสะอาดสร้างความสดชื่นในเวลากลางคืน ดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของพ่อผู้ที่ล่วงลับไปหลายปีจากการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้บ้านที่เคยมีเสาหลักต้องพังลง แม่ของเธอต้องขายบ้านหลังเก่าแล้วมาซื้อบ้านหลังนี้ในหมู่บ้านจัดสรรแทนเพราะอยู่ใกล้โรงเรียนของเธอในเวลานั้น แม่ของเธอต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวโดยไม่พึ่งใครแม้กระทั่งพ่อและแม่ของตัวเอง ส่งเสียให้เธอเรียนจนจบมหาลัยเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เธอในทุกๆช่วงเวลา เธอไม่เคยรู้สึกว่าขาดอะไรเลยเมื่อมีแม่อยู่ข้างๆขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เธอมาเป็นลูกของผู้หญิงคนนี้ คนที่เธอเรียกว่าแม่เพราะต่อให้เธอไม่เหลืออะไรเลยในชีวิตผู้หญิงคนนี้ก็พร้อมที่จะกอดเธอเอาไว้ด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าเธอจะทำผิดพลาดจนไม่น่าให้อภัยเธอก็เชื่อว่าแม่จะให้อภัยเธอได้เสมอ

‘I love you My mom’ ข้อความเล็กๆถูกปลายพู่กันแต้มลงตรงด้านล่างของภาพก่อนจะตามด้วยลายเซ็นที่เขียนตัวเล็กกว่าอยู่ถัดลงมา

รอยยิ้มหวานประดับบนในหน้างามยามไร้เครื่องสำอางใดๆฉาบแต่ง ผิวคล้ำเมื่อตอนกลางวันถูกลบออกเหลือเพียงแต่ผิวขาวนวลดุจไข่มุก จมูกเล็กโด่งพองามรับกับดวงตากลมโตที่มีขนตางอนยาวเป็นแพตามธรรมชาติประดับอยู่ ทำให้หญิงสาวนั้นดูงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดโดยไร้การเสริมแต่งเพิ่มเติมใดๆ ใบหน้างามเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงดาวของเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับแห่งนี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง

...*...

“พ่อขอโทษนะโชกุนที่ทำให้ลูกต้องมีปมด้อยแบบนี้” ประพันธ์ภพลูบหัวลูกชายที่หลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยแววตาเจ็บปวด เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนผิด คนที่ผิดคือผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนั้นที่ทิ้งลูกตัวเองได้ลงคอทั้งที่เพิ่งจะคลอดเขาออกมาแท้ๆ

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นอนกว้างของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่ายตาคมมองเพดาลสีขาวด้วยหัวใจที่ชินชากับความเจ็บปวดที่ยังคงฝังรอยอยู่ในหัวใจ เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นแล้วแต่ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นมันก็คอยตอกย้ำในใจเสมอ ที่ลูกชายเขาต้องเสียใจก็เพราะตัวเขา เพราะความผิดพลาดของเขาเองที่เลือกผู้หญิงคนนั้นมาเป็นแม่ของลูก ร่างสูงเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความคิดที่ยังคงตีกันเช่นนี้ดั่งเช่นทุกๆคืน

...แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าขณะที่ผู้คนกำลังหลับใหลอยู่นั้น วงล้อของโชคชะตาก็กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!