การเดินทางผ่านไปแล้วสามวัน และต้องใช้เวลารวมถึงเจ็ดวันกว่าจะเดินทางถึงป้อมชายแดนตะวันออก
ในคืนนี้ดาเลียและกลุ่มทหารเพียงยี่สิบนายกำลังตั้งค่ายข้างเเรมภายในป่าใกล้บึงน้ำเล็กๆแห่งหนึ่ง มีกระโจมหลายกระโจมถูกสร้างขึ้น แต่มีกระโจมหนึ่งสีดำตั้งเด่นอยู่ตรงกลางและมีเครื่องหมายหมาป่าดำล้อมด้วยกรอบเถาของดอกกระดังงาสีทองซึ่งเป็นตราประจำตัวของแกรนด์ดัชเชสแห่งกิลลาร์ดเอง
ภายในกระโจมที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว ดาเลียจึงปลดหน้ากากออกได้ ถอดถุงมือและปลดกระดุมคอเสื้อให้หลวมออกนิดหน่อยเพื่อผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า พอจะเริ่มล้างมือในอ่างน้ำที่ทหารรับใช้เตรียมไว้ให้ พลันนางก็สัมผัสไบรอันหัวหน้าองครักษ์เงาดำได้
"มีอะไรจะรายงานก็รีบพูดมา จะซ่อนตัวรอโอกาสเพื่ออะไรกัน" นางเอ่ยบอก พอจบคำพูดควันสีดำก็ปรากฎขึ้นจากด้านหลัง
"กระหม่อมรอให้ฝ่าบาททำธุระเสร็จเสียก่อนพะยะค่ะ หากว่ากระหม่อมหุนหันปรากฎตัวมันจะกลายเป็นว่ากระหม่อมล่วงเกินนายเหนือหัวไปมันคงไม่ดีนัก" เขาชี้แจงในขณะที่ร่างเงาของเขาค่อยๆปรากฎรูปร่างอย่างช้าๆ จนกลายร่างเป็นคนอย่างชัดเจน เขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดมือแล้วยื่นส่งให้ดาเลียอย่างเคารพนอบน้อม ดาเลียรับผ้ามาก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ
"ไหนว่ามาซิ เจ้าไปสืบข่าวได้อะไรมาบ้าง"
"ประมาณเดือนก่อนคณะทูตของเจ้าชายลำดับที่สามแห่งเรียมได้ออกเดินทางจากประเทศเพื่อมุ่งหน้ามาที่เมืองหลวงกิลลาร์ดพะยะค่ะ เป้าหมายคือการสู่ขอท่านอย่างเป็นทางการพะยะค่ะ"
"อืม ..." ลาเดียได้ยินเช่นนั้นจึงทำให้คิดได้ถึงเหตุผลที่อยู่ๆก็ถูกส่งมาให้จัดการกับกลุ่มโจรกระจอกที่ไร้ชื่อแบบนี้ "มีอะไรอีกมั้ย" นางถามต่อ
" กระหม่อมได้ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับเจ้าชายผู้นี้มาบ้างพะย่ะค่ะ แต่จริงแท้แค่ไหนนั้น คงต้องใช้เวลาตรวจสอบกันอีกซักหน่อย"
"ว่ามา..."
"ข่าวลือว่าเจ้าชายเกิดจากมารดาที่เป็นนักดนตรีร่อนเร่พะย่ะค่ะกษัตริย์แห่งเรียมได้พบนางตอนที่ปลอมตัวออกไปตรวจงานนอกวังแล้วเกิดต้องใจเข้าจึงถูกเรียกเข้าวังมาเป็นสนมเพียงแค่ครึ่งปีนางก็ตั้งครรภ์ แล้วต่อมาก็ให้กำเนิดเจ้าชายผู้นี้"
"แสดงว่ามีสายเลือดของสามัญชนปนอยู่ด้วยซินะ ดูเหมือนว่าชีวิตของเจ้าชายผู้นี้คงจะไม่ได้อยู่สบายเท่าไหร่นัก"
"ดูตามท้องเรื่องแล้วก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เจ้าชายที่มีสายเลือดของคนชั้นล่างมักจะมีชะตากรรมที่น่ารันทดเสมอ"
" บางทีการแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตของข้า อาจจะเริ่มน่าสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว และคงจะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดแล้วซิ" ใบหน้าปีศาจเริ่มมีรอยยิ้มน้อยปรากฎขึ้น "แล้วมีอะไรอื่นอีกรึไม่"
"พะยะค่ะ ความงามของเจ้าชายเป็นที่ล่ำลือมาก แต่น่าเสียดายที่ร่างกายอ่อนแอจึงต้องอยู่รักษาตัวอยู่แต่ในวังของตัวเองจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกไปด้านนอกพบปะผู้คนซักเท่าไหร่"
"แล้วทางนั้นก็ให้คนป่วยเดินทางไกลเป็นเดือนๆเพื่อมาสู่ขอข้านี่นะรึ ช่างใจร้ายจริง" นางส่งเสียงฮึๆในลำคอคล้ายจะบอกถึงความน่าสมเพชเวทนากับข่าวที่ได้ฟัง
"บางทีการอภิเษกกับฝ่าบาทอาจจะมีชีวิตของเขาเป็นเดิมพันก็ได้พะย่ะค่ะ" ไบรอันแสดงความคิดเห็นตรงกับสิ่งที่นางคิดไว้อยู่ก่อนแล้ว
"นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วมิใช่หรอกรึ คิดจะแต่งงานกับปีศาจเช่นข้าเขาคงเตรียมตัวตายมาแล้วอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ข้ากำลังสนใจคือเหตุผลที่เขายอมทิ้งชีวิตของตัวเองต่างหากเล่า"
"มีข่าวลืออีกว่าในตอนที่เจ้าชายยังเด็กเคยถูกวางยาพิษพร้อมกับมารดา เขารอดมาได้แต่ร่างกายก็ไม่ปกติอีกแล้ว ส่วนมารดาก็สิ้นใจทันที หลังจากนั้นชีวิตของเจ้าก็แย่ลงเรื่อยๆ นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่กระหม่อมได้มาในตอนนี้พะย่ะค่ะ โปรดอภัยด้วยที่ไม่สามารถได้ข้อมูลที่ลึกมากกว่านี้"
"เวลาเพียงไม่กี่วันเจ้าสามารถหาขอมูลมาได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว แต่ข้าต้องการให้สืบต่อ ความสัมพันธ์ของเขาคนรอบข้างเป็นเช่นไร และก็อีกเรื่องหนึ่ง..." อยู่ๆนางก็หยุดพูดแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงนอน สองแขนยกขึ้นกอดอกสีหน้าคล้ายกำลังใช้ความคิดผ่านไปครู่เดียวนางก็เอ่ยต่อ "ส่งคนไปคอยจับตาดูเจ้าชายผู้นั้นด้วย" นางออกคำสั่งเพิ่มเติม
"รับทราบพะย่ะค่ะ"
"ถ้าไม่มีอะไรอีกแล้วเช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ ข้าอยากจะพักผ่อนแล้ว"
"พะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา" พอสิ้นเสียงร่างของไบรอันก็ค่อยๆกลายเป็นควันดำและหายไปในที่สุด ดาเลียไม่ได้ทำอะไรต่อนอกจากเอนกายลงนอนสายตามองเม่อไปด้านบน ในความคิดเริ่มตั้งคำถามว่าหากชายคนนั้นที่รูปงามมากอย่างที่ล่ำลือแล้วเหตุใดกันเล่าเขาจึงเจาะจงเลือกที่จะแต่งงานกับปีศาจเช่นนาง
ในวันต่อมา ณ พระราชวังหลวงกิลลาร์ด คณะฑูตแห่งอาณาจักรเรียมได้เข้าพบจักรพรรดิอย่างเป็นทางการในท้องพระโรง คณะฑูตไม่ได้ยิ่งใหญ่ตระการตา แต่การเผยตัวของเจ้าชายลำดับที่สามนั้นทำให้ทุกคนในท้องพระโรงถึงกับตระลึงจนแทบหยุดหายใจ
ใครจะเชื่อว่าในโลกนี้จะมีชายใดที่งดงามได้เช่นนี้ ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนในชุดประจำชาติสีขาว ดวงตาสีไพลินเฉี่ยวคมเป็นประกายซ่อนความมีเสน่ห์นุ่มลึกอย่างตรึงตาตรึงใจหากได้สบตาคู่นั้น ผมยาวสีเงินพริ้วสยายรับกับเครื่องประดับที่ถึงบอกบรรดาศักดิ์ของราชวงค์บนหน้าผาก เขามีผิวขาวเนียนราวหิมะริมฝีปากบางแดงระเรื่อ ความงามเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เพศใดถ้าได้พบต่างก็ต้องพาหลงไหลแน่นอน
แต่สำหรับจักรพรรดิหนุ่มถือว่านี่คือหินก้อนใหญ่ที่มีใครบางคนโยนลงน้ำทำให้เกิดคลื่นในพระทัยไม่อาจจะเป็นผิวน้ำที่สงบนิ่งได้อีกต่อไป เจ้าชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ความมั่นใจที่เคยมีอย่างเต็มเปี่ยมนั้นสั่นคลอน พระองค์มองต่ำลงเล็กน้อยจากบรรลังค์ประจวบเหมาะกับสายตาของอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองมาเช่นกันพอดิบพอดี
"กระหม่อมเจ้าชายลำดับที่สามแห่งอาณาจักรเรียม นามว่า อาเธอร์ อองเซย์ เป็นผู้นำคณะฑูตในครั้งนี้ขอถวายบังคมจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิกิลลาร์ดที่ยิ่งใหญ่พะย่ะค่ะ" เจ้าชายมีน้ำเสียงทุ้มนุ่มๆ ดังขึ้นพร้อมกับการทำความเคารพในแบบชนชาติของตนเอง
"จักรวรรดิกิลลาร์ดยินดีต้อนรับเจ้าชายอาเธอร์ อองเซย์และคณะฑูต ได้โปรดทำตัวตามสบายเถอะ เพื่อเราจะได้พูดคุยกันได้ง่ายขึ้น" จักรพรรดิกล่าวต้อนรับกลับด้วยน้ำเสียง และท่าทางงามสง่าไม่แพ้กันถือว่าพระองค์ยังคงตั้งสติ และวางตัวได้ดี
"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ" อาเธอร์กล่าวขอบคุณแล้วนำคณะฑูตยืนตัวตรง
ยามนี้จักรพรรดิได้มองหน้าเขาตรงๆ แล้วว่าเป็นชายที่งดงามราวเทพเจ้าอย่างไร้ที่ติจริงๆ ทำให้พระองค์เผลอคิดถึงภาพใบหน้าที่แท้จริงของดาเลียในค่ำคืนของจันทร์เต็มดวงเพราะนางเองก็งดงามมากราวกับเทพธิดาเช่นกัน สัญชาตญาณของพระองค์บอกได้ทันทีเลยว่าสองคนนี้ช่างเหมาะสมกันราวกับถูกเทพเจ้าสรรค์สร้างขึ้นมาโดยแท้ พอคิดแล้วอยู่ๆ ความรู้สึกกังวลใจและความอิจฉาก็ผุดขึ้นมาในห่วงของความรู้สึกส่วนลึกมันเจ็บแปร๊บอยู่ในอก
หากการสู่ขอครั้งนี้สามารถเจรจาสำเร็จไปได้อย่างราบรื่น นั่นก็หมายความว่าหญิงในดวงใจของพระองค์จะกลายเป็นของชายตรงหน้านี้ทันทีแล้วพระองค์ควรจะทำเช่นไรต่อไป แค่คิดหัวใจก็สั่นไหวรู้สึกแน่นอกไปหมดแล้ว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments