ดัชเชสปีศาจกับเจ้าชายรูปงาม (เวอร์ชั่นบรรยาย)
ณ ห้องรับรองทำงานในพระราชวังแห่งจักรวรรดิกิลลาร์ด จักรพรรดิหนุ่มนั่งเพียงลำพังบนโต๊ะทรงงาน ในมือมีเอกสารราชการ ดวงตาคู่คมจดจ้องกับเอกสารนั่นอย่างตั้งใจ ทว่าทันใดก็มีเสียงประตูผุนผันเปิดเข้ามา
"ฝ่าบาท! ฝ่าบาทดาเลียเสด็จมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ!" เป็นเสียงของอัศวินคู่กาย ทีโมที มัว ที่ตะโกนออกมาพร้อมกับหน้าที่ตื่นตระหนกอย่างไร้เหตุผล พระองค์ละสายตาจากเอกสารแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปที่อัศวินคนสนิทผมแดงเพลิง
"จะเสียงดังไปทำไม ก็เชิญนางเข้ามาซิ" พระองค์บอกพร้อมกับคำตำหนิเล็กน้อยโดยมิได้ใส่ใจกับการเสียมรรยาทของผู้ติดตามคนสนิท
"พะย่ะค่ะ" ทีโมทียิ้มแล้วตอบรับคำสั่ง
ไม่ทันไรก็ปรากฎตัวหญิงสาวในชุดกระโปรงสุ่มตามแบบฉบับของหญิงสาวของชนชั้นสูง มือข้างหนึ่งถือไม้เท้าที่มีอัญมณีสีน้ำเงินขนาดใหญ่ประดับที่หัวไม้เท้า ยามที่นางก้าวเดินจึงมีเสียงเคาะดัง ตึก ตึก จากไม้เท้ากระทบพื้นให้ได้ยินนำมาก่อน เมื่อบวกกับทวงท่าที่งดงามสมกับที่เป็นราชนิกูลระดับหนึ่งแล้วก็ยิ่งช่วยให้นางดูสูงค่า ซ้ำยิ่งทำให้แสดงออกถึงความสง่างามอันน่าเกรงขามเทียบเท่ากับองค์จักรพรรดิก็ว่าได้
ทว่าความงดงามอันเลอค่าเหล่านี้เป็นเพียงบุคลิกที่นางตั้งใจแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นเท่านั้น หากแต่มิใช่ใบหน้าหรือตัวตนแท้จริงของนางไม่ หากจะกว่าอีกนัยหนึ่งก็คือ น้อยคนมากที่เคยเห็นใบหน้าและร่างกายที่แท้จริงของนาง เนื่องจากเป็นเจตนาของนางเองที่พยายามส่วมเสื้อปกปิดทุกส่วนของร่างกาย ทว่าไม่ว่าจะปกปิดด้วยการแต่งกายที่เรียบร้อยเช่นไร แต่ส่วนดวงตาก็ไม่อาจปกปิดได้มันมักจัเล็ดรอดส่องประกายสีแดงราวกับอสูรร้ายผ่านหน้ากากที่นางสวมไว้เสมอ และเมื่อนางได้เผชิญหน้ากับจักรพรรดิ นางจึงย่อตัวคำความเคารพอย่างงดงามเหมาะสมกับสมาชิกของราชวงค์
"มีมรรยาทเช่นนี้มันแปลกๆนะ ญาติข้า มา...มานั่งลงเถอะ" จักรพรรดิหนุ่มเริ่มทักทายก่อน แต่นางกลับไม่ตอบกลับทันที รอจนกระทั่งสิ้นเสียงปิดประตู และเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดอื่นในห้องนี้อีก นางจึงเปลี่ยนอิริยาบททันทีแต่ยังคงไม่ทิ้งท่าทีที่สง่าและงดงาม นางยืดตัวขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาหรูตรงข้ามกับจักรพรรดิหนุ่ม
"ฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญดีนะเพคะ" นางเอยถาม
" ก็อย่างที่เห็น ข้าดูสบายดีหรือไม่ในสายตาของเจ้ากันล่ะ" จักรพรรรดิโต้กลับกึ่งหยอกล้อ
"ในโลกนี้คงมีเพียงจักรพรรดิเท่านั้นที่สมประสงค์ทุกอย่างมีรึที่จะไม่มีความสุขสบาย"
"ดาเลีย..." จักรพรรดิเอ่ยเรียกชื่อนางแต่ไม่ทันที่จะได้เอ่ยคำใดต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังก๊อกๆๆ ขึ้นอีก "เข้ามา" เมื่อจบคำของจักรพรรดิ สาวใช้จึงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเข็นรถเสริฟชาและของว่าเข้ามา การสนทนาจึงเงียบไป มีเพียงเสียงสั่นของถ้วยชากระทบกัน ดังกึกๆอยู่ตลอดเวลา ดาเลียเหลือบสายตามองมือของสาวใช้ที่กำลังสั่นเทา นางรู้ได้ทันทีว่าสาวใช้ผู้นี้กำลังหวาดกลัวรูปลักษณ์ของนาง
"เจ้าเป็นสาวใช้ที่มาใหม่งั้นรึ?" พอสิ้นคำถามสาวใช้สะดุ้งทำถ้วยชาในมือตกลงพื้น สาวใช้รีบก้มลงหมอบกับพื้นตัวสั่นทันที พอดาเลียเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยต่อ "ถึงข้าจะฆ่าคนแต่ข้าไม่กินคนหรอกนะ" ในขณะที่เสียงของถ้วยชาที่แตกกระแทบพื้นดังออกไปถึงด้านนอกห้อง ทำให้อัศวินหนุ่มที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้ยินหุนหันเปิดประตูเข้ามาทันทีในตอนที่ดาเลียเหลือบสาวมองลงไปที่สาวใช้ที่ว่า
"ชื่อเสียงอันโหดร้ายของเจ้าดูท่าจะไม่ลดน้อยลงเลยทั้งที่เจ้าก็ห่างหายจากสงครามมาก็นานแล้วแท้"
"มันคงเป็นเช่นนั้นเพคะ เดี๋ยวนี้แค่เสียงหายใจของหม่อมฉันหากใครได้ยินเข้าคงคิดว่าหม่อมฉันกำลังหมายจะขย่ำชีวิตใครบางคน" นางโต้กลับทันที
"ฮาฮาฮา!!!" เป็นคำตอบที่จักรพรรดินึกอดขำไม่ได้ ต้องเสียวลาไปซักครู่จึงจะหยุดหัวเราะได้ จากนั้นจึงออกคำสั่งกับทีโมทีว่า "ทีโมที พาสาวใช้คนนี้ออกไปก่อนเถอะ"
"รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ" อัศวินหนุ่มโค้งตัวน้อมรับคำสั่งแล้วช่วยพยุงสาวใช้ที่ยังคงตัวสั่นให้ลุกขึ้นแล้วพานางออกไปให้บัดนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงจักรพรรดิและดัชเชสดาเลียเพียงลำพัง
"คืนนี้คือคืนพระจันทร์เต็มดวงสินะ" จักรพรรดิเอ่ยขึ้น
"เพคะ"
"วังลับถูกเตรียมไว้เพื่อเจ้าไม่มีสิ่งใดขาดเหลือใช่รึไม่"
"คิดว่าไม่เพคะ หม่อมฉันจะเข้ามาพักแรมแค่เดือนละสองครั้งในคืนจันทร์เต็มดวงเท่านั้น คนรับใช้ล้วนเป็นคนเก่าแก่ของราชวงค์ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับหม่อมฉันเป็นอย่างดี" ดาเลียตอบ
และเมื่อได้ยินดาเลียตอบเช่นนั้นจักพระองค์จึงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเข้าถึงประเด็นสำคัญของการสนทนาในครั้งนี้
"ดาเลีย...เจ้าคงรู้ว่าข้ากำลังพยายามสานสัมพันธ์ทางการฑูตกับอาณาจักรเรียมใช่รึไม่?"
"เพคะ เพียงแต่หม่อมฉันไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงต้องเสียเวลาผูกสัมพันธ์กันด้วย เรียมเป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ เท่านั้น สำหรับหม่อมฉันคงใช้เวลาและทรัพยากรไม่มากก็สามารถยึดมาเป็นเมืองขึ้นให้พระองค์ได้ทันที" ดาเลียว่ากลับ
"เพราะข้ามีเป้าหมายที่ไกลกว่านั้นยังไงล่ะ เพียงแต่ข้ายังบอกเจ้าตอนนี้อย่างชัดเจนไม่ได้แต่เจ้าก็รู้ถึงความฝันของข้าที่ต้องการจะแผ่ขยายอำนาจของจักรวรรดิกิลลาร์ดให้ปกครองทั่วทั้งทวีปเจนติใช่รึไม่"พระองค์กล่าว
"เช่นนั้นฝ่าบาททรงมีเรื่องอันใด ถึงได้อยู่ๆ จึงรับสั่งเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะเพคะ" คำถามนี้ของดาเลีบไม่ทำให้จักรพรรดิตอบนางในทันที พระองค์เอนหลังพิงพนักโซฟายกสองแขนขึ้นกอดอกพร้อมกับถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเริ่มเอ่ย
"ทางอาณาจักรเรียมเสนอการผูกสัมพันธ์โดยการแต่งงาน และข้าคิดว่ามันก็เป็นข้อเสนอที่ดี"
"เช่นนั้นมันจะเป็นปัญหาอันใดอีกกันเล่า ฝ่าบาทเองก็ยังมิได้อภิเษกสมรส แต่หากฝ่าบาทไม่อยากแต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินีแล้วล่ะก็ ฝ่าบาทก็แต่งตั้งให้นางเป็นสนมหรือราชินีลำดับสองก็ได้มิใช่รึเพคะ ฝ่าบาทจะกลุ้มพระทัยไปใย" นางว่าเช่นนั้นด้วยไม่เห็นประเด็นใดที่น่าจะเป็นปัญหา
ทว่าจักรพรรดิกลับส่งเสียงถอนหายใจยาวๆ จนเสียงดัง " เฮ้อ..." อีกครั้ง
"ฝ่าบาทเพคะ แม้อาณาจักรเรียมจะเป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ แต่พวกเขามีเมืองท่าสำคัญถึงสามแห่งตั้งแต่ภาคกลางถึงภาคใต้ของอาณาจักร เนื่องจากเป็นดินแดนมีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดทะเล การไปมาหาสู่กับต่างผู้คนจากต่างดินแดนล้วนเป็นไปได้ง่าย ความเจริญทางการค้าก็ยอดเยี่ยม แม้จะเป็นเมืองท่าแต่ภูมิประเทศของที่ตั้งเมืองท่าทั้งสามแห่งล้วนมีแนวเขาธรรมชาติเป็นป้อมปราการปกป้องอย่างดี
ทว่ากลับโชคไม่ดีที่มีราชาอ่อนแอควบคุมการปกครองภายในไม่ได้ จึงมีแต่ขุนนางผู้บ้าอำนาจและเต็มไปด้วยความโลภ มิเช่นนั้นประเทศนั้นคงจะแข็งแกร่งยิ่งใหญ่จนน่ากลัว บางทีอาจจะแข็งเกร็งเทียบเท่าเราเลยก็ได้นะเพคะ หม่อมฉันคิดว่าฉวยโอกาศนี้ที่ราชวงค์เรียมกำลังอ่อนแอทำสงครามแล้วยึดมาเป็นของเราน่าทำให้เรามีอำนาจมากขึ้นได้อย่างรวดเร็วน่าจะดีกว่านะเพคะ" นางร่ายยาวหวังจะให้จักรพรรดิเปลี่ยนพระทัย
"ข้าไม่ชอบสงครามเจ้าก็รู้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้านั้นมีจิตใจที่อ่อนแอ ทว่าข้าชอบการสู้รบที่ได้มาซึ่งประโยชน์โดยที่ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อของประชาชนต่างหากล่ะ ดาเลีย...เจ้ากับข้าเติบโตมาด้วยกัน หลายปีมานี้หากไม่มีเจ้าช่วยดูแลเกี่ยวกับกองทัพมีรึที่ข้าจะสามารถทำการสำเร็จได้จนมาถึงตอนนี้"
"อยู่ๆก็รับสั่งแบบนี้ทำหม่อมฉันขนลุกไปทั้งตัวแล้วเพคะ"
"ฮาฮ่า...เจ้ามีขนเหมือนคนอื่นเขาด้วยหรอกรึ" ดาเลียทำท่าข้อนใส่หลังจากถูกจักรพรรดิหยอกเหย้าแม้ว่าพระองค์จะไม่อาจมองสีหน้าภายใต้หน้ากากของนางได้แต่ก็รู้ว่านางกำลังงอนนิดๆใส่พระองค์อยู่
"ข้าล้อเจ้าเล่นหรอกน่ะ อย่างอนไปเลยนะญาติผู้น้องที่แสนดีของข้า"
"เช่นนั้นฝ่าบาทมีแผนการอย่างไรล่ะเพคะ..." ดาเลียกลับมาใชัน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง " หากรับข้อเสนอการแต่งงานก็ถือว่าเป็นกลยุททางการเมืองที่เก่ามาช้านาน หลายประเทศต่างก็ใช้วิธีนี้ในการสร้างสัมพันเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ดูผิวเผินแล้วมันก็น่าจะเป็นวิธีการที่ดี แต่..." นางว่าและชะงักในตอนท้าย ทำให้จักรพรรดิถึงกับต้องขมวดคิ้วแล้วถามกลับ
"แต่...อะไร?"
" แต่มันจะดีแน่รึจักรวรรดิของเราเป็นอาณาจักรใหญ่ที่สุดในทวีปเจตินี้ และยังมีอำนาจกำลังทหารแข็งแกร่งที่สุดด้วย ดูไปแล้วหากอาณาจักรเรียมคิดจะสวามิภักดิ์ ก็คงแค่ส่งราชนิกูลสาวมาซักคนเพื่อเป็นสนมให้ฝ่าบาทแล้วเหตุใดต้องเสนอเกินตัวขอผูกสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานด้วย" ดาเลียตั้งขอสงสัย จักรพรรดิทรงคิดวิเคราะห์ตาม
"นั่นมันก็จริง..."
"ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่าการแต่งงานกับคนจากประเทศเล็กๆ อย่างเรียมมันทำให้เราได้รับผลประโยชน์น้อยได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว ก็ในเมื่อทางนู้นเสนอการแต่งงานผูกสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสุดท้ายทางเราก็ต้องมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการให้คนของเขาด้วยมิใช่หรอกรึ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาตั้งใจจะเข้าแทรกแซงหรือใช้ประโยชน์จากเราแน่นอน" นางอธิบายความเห็นของตนอย่างชัดเจน
"นั่นมันก็จริง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดการผูกสัมพันธ์ด้วยการแต่งงานย่อมมีอุบายแอบแฝงแน่นอน แต่มันก็เอื้อประโยชน์ให้กับเราด้วยเช่นกันมิใช่หรอกรึ" จักรพรรดิกล่าวขึ้นบ้าง
ครั้นสิ้นรับสั่งแล้วความเงียบก็เข้าครอบคลุมบรรยากาศอีกครั้ง ดาเลียรู้สึกถึงความนัยที่เป็นปริศนาแฝงอยู่ในรับสั่งของจักรพรรดิ นางเริ่มวางตัวเขร่งขรึมมากขึ้นก่อนที่จะเอ่ยต่อ
"อืม...หากฝ่าบาทคิดเช่นนั้นแล้วจะช้าอยู่ใย ยอมตกลงก็สิ้นเรื่อง ทว่าฝ่าบาทยังทรงมิได้แต่งตั้งจักรพรรดินีเลยนะเพคะ แล้วจะให้หญิงจากเรียมนั่นอยู่ในตำแหน่งอันใด?" ดาเลียยกคำถามสำคัญขึ้นมาอีก แต่จักรพรรดิทรงยิ้มกริ่มแทนที่จะตอบคำถามนางในทันที
"นั่นมันมิใช่ปัญหาของข้า เพราะคนที่ทางนู้นจะขอแต่งงานก็คือเจ้าต่างหากล่ะ"
ดาเลียตะลึงงัน แม้สีหน้าที่ประหลาดใจจะถูกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากาก ก็มิอาจปิดบังการรับรู้ของจักรพรรดิหนุ่มได้ พระองค์อมยิ้มเล็กน้อยรู้สึกความได้เปรียบของตนเอง แล้วทรงขยับตัวโน้มไปข้างหน้าเล็กพร้อมกับรับสั่งเบาๆ
"ข้าอยากให้เจ้ายอมรับการอภิเษกกับเจ้าชายสามแห่งเรียม เจ้าจะว่าอย่างไร" ช่างเป็นกระซิบที่เต็มด้วยกลิ่นอายแห่งความเล่ห์เหลี่ยม ดาเลียคุ้นชินกับทัศนะคตินี้ดี นางเผยรอยยิ้มภายใต้หน้ากาก
" ฮึ๋ม...ฝ่าบาททรงรับสั่งล้อเล่นกับหม่อมฉันแล้ว สารรูปของหม่อมฉันคือตำนานคำสาปที่มีอยู่จริง ถึงจะเป็นจุดแข็งของจักรวรรดิเราแต่ก็เป็นจุดอ่อนของจักรวรรดิด้วย ทรงหาหญิงสาวในราชวงค์คนอื่นแทนหม่อมฉันเถอะ"
"เฮ้อ! ข้ารู้ว่าเจ้าต้องปฏิเสธ แต่ข้าก็มีเหตุผลของข้า"
"เช่นนั้นอะไรคือเหตุผลกันเล่า หม่อมฉันซึ่งได้ชื่อว่าดัสเชสปีศาจแห่งกิลลาร์ด แม้จะมีความสามารถรอบด้านเหนือคนธรรมดาทั่วไปแต่ก็มีคำสาปที่มีร่างกายคล้ายปีศาจเช่นนี้จะมีใครยอมแต่งงานกับหม่อมฉันกันเล่า"
"แต่ทางอาณาจักรเรียมส่งฑูตมาเพื่อสู่ขอเจ้า ดูเหมือนเจ้าชายสามนั่นเจาะจงที่จะแต่งงานกับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น"
"โฮ้!...ช่างกล้าดีแท้ที่คิดขอแต่งงานกับตัวประหลาดเช่นข้าถือว่าเขาเทหมดหน้าตักเลยนะนั่น คงเพราะเหตุผลทางการเมืองซินะ"
"ใช่ ก็อย่างที่เรารู้ว่าการปกครองภายในของที่นั่นมันวุ่นวาย มันอาจจะมีเหตุผลหลายอย่างซ่อนอยู่ในการแต่งงานครั้งนี้แถมคำล่ำลือว่าองค์ชายสามนั่นรูปงามราวเทพมาจุติ แต่เสียดายที่ร่างกายไม่แข็งแรงนักก็เลยถูกห้ามไม่ให้ออกสู่โลกภายนอกมากนัก ดังนั้นถึงจะมีคำล่ำลือไปทั่วถึงความงามแต่ก็น้อยคนนักที่จะพบตัวจริงของเขา" พระองค์รับสั่งพลางกลับมานั่งพิงหลังแบบสบายๆอีกครั้ง
"แล้วจะให้คนงามเช่นนั้นมาแต่งกับสัตว์ประหลาดเนี๊ยะนะ นี่มันนิยายชัดๆ" นางว่ากึ่งประชด
"เช่นนั้นเจ้าจะว่าอย่างไร เจ้าจะยอมช่วยข้ารึไม่ ถ้าเป็นเจ้าข้าสามารถวางใจได้ว่าจะไม่มี เรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้องในแผนการของข้าให้วุ่นวายทีหลังแน่" จักรพรรดิเอ่ยต่อ
"หม่อมฉันมีข้อแม้เพียงอย่างเดียวเพคะ" นางยืนข้อเสนอทันที
"ว่ามา..."
"หม่อมฉันจะไม่แต่งออก แต่ฝ่ายนู้นต้องแต่งเข้ามาเท่านั้น และหม่อมฉันจะไม่ย้ายออกไปใช้ชีวิตที่ดินแดนอื่นใดเด็ดขาด"
"ที่เจ้าบอกมา นั่นมันสองข้อไม่ใช่รึไงกัน" จักรพรรดิโต้กลับเชิงเย้าหยอกทันทีอีก แต่นางกลับไม่มีทีท่าจะตลกกับพระองค์ด้วย
"ฝ่าบาทจะคิดเช่นนั้นก็ได้ ถ้าหากฝ่าบาทยอมรับ หม่อมฉันก็ไม่มีปัญหา" ดาเลียตอบ
"แต่ทางนู้นก็เป็นถึงเจ้าชายเชียวนะ จะให้เจ้าชายแต่งเข้ามันจะไม่เหยียดหยามเกียรติทางฝั่งนั้นเกินไปหน่อยหรอกรึ"
"แล้วมันนะเป็นอย่างไร จักรวรรดิกิลลาร์ดของเรานั้นทั้งแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ หากไม่แสดงอำนาจกดขี่บ้าง ประเทศอื่นจะคิดส่าเรามีดีแต่เปลือกเอาได้นะพคะ" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ
"ใจร้ายชะมัด..." จักรพรรดิว่า
"จะว่าหม่อมฉันฝ่ายเดียวได้อย่างไร ในเมื่อฝ่าบาทเองก็ถูกใจในข้อเสนอของหม่อมฉันมิใช่หรอกรึ และอีกอย่าง หม่อมฉันมั่นใจว่า ฝ่าบาทต้องเจรจาสำเร็จแน่เพราะพระองค์ก็รู้ดีว่าคำสาปบนตัวของหม่อมฉันคืออนาคตของจักรวรรดิกิลลาร์ด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฝ่าบาทจะไม่ยอมสูญเสียหม่อมฉันไปแน่"
"ฮาฮาฮา!! เจ้านี่นะช่างร้ายนัก นี่แหละคือหนึ่งในเหตุผลทั้งหมดที่ข้าหลงรักเจ้ามานานตั้งแต่เด็กยังไงเล่า" พระองค์หัวเราะดังลั่นห้อง ดาเลียปล่อยให้เขาหัวเราะไปครู้หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น
"ใกล้เย็นแล้ว เห็นทีหม่อมฉันต้องขอทูลลาก่อนเพคะ" นางว่า แล้วลุกขึ้นยืน จักรพรรดิมองตามอิริยาบทของนางพร้อมกับลุกขึ้นตาม พระองค์เดินอ้อมโต๊ะด้านหน้าโซฟาไปหานางแล้วโอบไหล่นางไว้ให้เข้ามาประชิดตนพลางพูดเบาๆที่ข้างหูของนาง
"คืนนี้พบกันที่สระน้ำร้อนเหมือนอย่างเคยนะ เจ้าอยากทานมื้อค่ำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?"
"ไม่เพคะ มันก็แค่คืนจันทร์เต็มดวงเพียงคืนเดียว อย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากวุ่นวายเลย"
"แต่ทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงมันคือคืนที่พิเศษสำหรับข้าที่มีเพียงสองครั้งต่อหนึ่งเดือนเองนะ"
"เช่นนั้นฝ่าบาททรงต้องการจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ หม่อมฉันขอทูลลา" นางว่าเช่นนั้น แล้วถอยตัวออกห่างจากพระองค์ ก่อนที่จะย่อตัวถวายการคำนับเช่นสตรีชั้นสูงทั่วไป แล้วจึงหันหลังเดินออกไปจากห้อง จักรพรรดิทอดสายมองตามหลังนางพร้อมรอยยิ้มกริ่ม *กลิ่นกายของเจ้าเองก็ยังหอมไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วก็ตาม พระองค์คิดในใจ หากนี่ไม่ใช่เพราะคำสาปนั่น ความรักของข้าคงจะไม่ปวดร้าวทรมานเช่นนี้หวังว่าเจ้าจะคิดเช่นเดียวกับข้านะ ดาเลีย*...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments