มันก็แค่แผนที่ | KOOKV
...แผนที่...
...สำหรับใครหลาย ๆ คนมันคงเป็นกระดาษที่บอกทิศทางและทางไปเพื่อไม่ให้หลงทางในพื้นที่นั้น...
...แต่สำหรับผมแล้ว...
...มันเหมือนเป็นแผนที่ที่ให้ผมวิ่งตามคนคนหนึ่งไปทั่วทุกพื้นที่...
...แม้ว่าเขาคนนั้นจะไม่สนใจผมที่วิ่งตามมาข้างหลังเลยแม้แต่น้อย...
...ชีวิตชั่งน่าเศร้าจังนะ...
พฤหัส เวลา 07:36 น.
" เอาอีกแล้วเหรอกันต์ แกกลับไปหาเขาอีกแล้วงั้นเหรอ "
ฟางข้าว เพื่อนสาวคนเดียวของผมเอ่ยปากถามเมื่อผมมาถึงโต๊ะส้มที่มานั่งตามปกติกันทุกเช้าก่อนเข้าแถว
" อือ กูกลับไปหาไทม์อีกแล้วละฟาง "
" แล้วเมื่อไรมึงจะตาสว่างสักทีกันต์ ว่าเขาไม่เอามึงอยู่แล้วไม่ว่ามึงจะพยายามมากแค่ไหน "
ครับ ฟางข้าวเป็นคนที่พูดตรงและมีคำที่เจ็บแสบทะลวงหัวใจของความรู้สึกได้ และมันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดตามคำพูดของมันเลยแม้แต่น้อย
" มึงจะด่าจะว่ากูแรงแค่ไหนก็ได้นะฟาง แต่กูก็ยังจะกลับไปหาไทม์อยู่เหมือนเดิม "
" ซึ่งตอนนี้มึงวนอยู่ในป่าใหญ่มามากกว่าสิบรอบแล้วนะกันต์ ทำไมมึงไม่เดินออกจากป่าไปตามแผนที่ที่มีอยู่ในมือกันละ "
ฟางเอื้อมมือมาตบบ่าเพื่อนชายที่ตัวใหญ่เท่าหมีแต่ใจเพื่อนเค้านั้นเล็กกว่าปลาสลิดทอดอีก
" ใช่ กูมีแผนที่อยู่ในมือ กูสามารถออกไปจากป่าบ้านี่ตอนไหนก็ได้ แต่กูไม่ยอมออกไปไง มึงว่าเพราะเหตุผลอะไร "
" เพราะมึงยังรักไทม์อยู่ไง มึงรักเขามาตั้งแต่มอต้น มึงยอมเขาได้ทุกอย่าง มึงยอมเป็นหมาให้เขาก็ได้ แค่เพราะเหตุผลง่าย ๆ ข้อเดียวคือมึงรักไทม์ "
ฟางข้าวพูดไม่ผิดเพราะว่ากันต์ยอมทุกอย่างสำหรับไทม์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนยามที่เหงา หรือที่ปรึกษาความรัก ทั้งที่กันต์ชอบเจ้าตัวเอง กันต์ยอมทุกอย่างแม้กระทั่งมองดูไทม์มีรักที่สมหวังกับคนอื่นที่ไม่ใช่กันต์เอง
" กูดูโง่ไปไหมฟาง ทั้ง ๆ ที่กูมีแผนที่ในมือตัวเองแล้วแท้ ๆ แต่กูไม่ยอมใช้มันเพื่อหาทางออก กูใช้มันเพื่อตามหาตัวไทม์ที่กูรัก แต่เขาไม่รักกู "
" มึงถามกูแล้วกูจะตอบอะไรมึงได้ มันคือความรู้สึกของมึงที่จะเลือกใช้แผนที่แบบไหนกับป่าที่มึงวนเข้าวนออกมากกว่าสิบรอบ "
ใช่ เขาควรที่จะรู้ตัวเองสิว่าเขาจะใช้แผนที่ทำอะไร และทำแบบไหนกับป่าที่เขาติดอยู่กับมันมานานมากกว่าสิบครั้ง
" แล้วเที่ยงนี้ไทม์จะมากินข้าวด้วยไหมเนี่ย "
" มาดิ มากินด้วยกันปกติ มาพร้อมกับแฟนของไทม์ด้วย "
12:09 น.
เมื่อเลิกเรียนคาบที่สามของตารางปกติผมกับฟางก็พากันออกมาที่โรงอาหารเล็กที่คนไม่เยอะมากและจองที่นั่งประจำเพื่อรอเพื่อนอีกไม่กี่คนที่อยู่กันต่างห้อง
" อ้าวกันต์ วันนี้ห้องมึงปล่อยเร็วกว่าทุกวันแล้วงั้นเหรอ "
ไทม์ เพื่อนที่ลักษณะตัวเล็กกว่าผมประมาณสิบเซ็น ผิวขาวอมน้ำตาล อีกทั้งยังดูหล่อเท่และน่ารักในเวลาเดียวกัน
นี่แหละครับคนที่ผมรักเขามาตั้งนานแต่ก็กลายเป็นหมาแทน
" อือ วันนี้มีแค่เรียนย่อยนิดเดียวเลยปล่อยเร็ว แต่วันนี้มึงก็ปล่อยเร็วนี่ "
" ใช่ ๆ วันนี้ครูแกไม่ขึ้นเพราะติดประชุม แต่วันนี้เหนือไม่มากินข้าวด้วยนะ เห็นว่าต้องติวหนังสือก่อนสอบช่วงบ่ายนี้ "
" งั้นเหรอ คงจะติวหนักกันน่าดูเลยนะ "
ผมและไทม์ก็นั่งคุยกันไปตามปกติของเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกันเพื่อรอให้ฟางซื้อข้าวเสร็จและรอเพื่อนที่ดูเหมือนจะโดนกักเอาไว้ในห้องนานกว่าพวกผมสามคน
" ไป ๆ ไปซื้อข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวเด็กม.ต้นออกมาจะไม่มีข้าวกินนะพวกมึงสองคนอะ "
" เออวะ ลืมเลยว่าโรงนี้เป็นถิ่นของเด็กม.ต้น งั้นเรารีบไปซื้อข้าวกินกันเถอะไอ้กันต์ "
ไทม์ไม่ได้รอให้ผมพูดตอบกลับไป แต่ไทม์จับมือผมและพาผมเดินไปยังร้านต่าง ๆ เพื่อดูว่าวันนี้จะกินอะไรดีและรวดเร็วจนไม่ต้องยืนรอนาน
" แล้วเหนือมันสอบวิชาอะไรอะไทม์ "
" เห็นว่าสอบวิชาเคมีของครูเพชรนะเหนือบอกว่าสอบครั้งนี้ครูเน้นธาตุเยอะเลยต้องจำกันยาว ๆ "
โกหก นั่นคือคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวผม เพราะเพื่อนผมที่อยู่ห้องเดียวกับมันบอกว่าวันนี้ไม่มีสอบเลยสักวิชา และเหนือมันก็โดดเรียนตั้งแต่คาบแรกแล้ว
บางทีมันคงจะโกหกไทม์เพื่อที่จะทำอะไรสักอย่างลับหลังไทม์ และผมหวังว่ามันคงไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ไทม์ต้องเสียใจและร้องไห้หรอกนะ
12:26 น.
" พี่โจ้คนหล่อประจำวันนี้มาแล้วครับทุกคนน "
เพื่อนโจ้ที่อยู่ห้องเดียวกับไอ้เหนือวิ่งมาด้วยความเร็วก่อนที่จะฝากกระเป๋าไว้กับฟางและวิ่งไปซื้อข้าวหน้าเป็ดมานั่งข้างฟางเพื่อนผมทันที
" มาช้าจังวะโจ้ ปกติไม่เคยเลทขนาดนี้ "
" พอดีครูประจำห้องขึ้นมาเช็คพวกที่โดดเรียนวันนี้ตั้งแต่เช้าอะมันเลยเลท "
" โห้ เด็กไม่ดีแล้วนะเนี่ยห้องมึงอะโจ้ มีคนโดดเรียนด้วย "
โจ้หันมามองผมหนึ่งครั้งก่อนที่จะหันไปมองไทม์ที่นั่งข้างกันและตอบคำถามออกมาเพื่อเลี่ยงไม่ให้เจ้าตัวรู้ว่าแฟนตัวเองเป็นคนนำแกนเรื่องโดดเรียน
" ใช่มะ แต่ถึงอย่างงั้นกูก็ยังเป็นเด็กดีตลอดน้า และจะเป็นเด็กดีสำหรับพี่ฟางขาของกูด้วย "
" อะไรของมึงก่อนเอ่ยไอ้โจ้ ติดกูยิ่งกว่าน้องสาวมึงอีกสัส ติดขนาดนี้เอากูไปเป็นพี่สาวมึงเลยไหม "
" เพื่อนฟางมึงอย่ามาพูดเล่น กูให้แม่ไปทำข้อตกลงกับพ่อมึงแป๊บ กูจะเอามึงมาเป็นพี่สาวให้ได้ "
" เลอะเทอะวะไอ้สัสนี่ ไทม์เย็นนี้มึงมีนัดที่ไหนไหม "
" ไม่มีนะ วันนี้เหนือก็บอกจะกลับบ้านเร็วเพื่อไปอ่านหนังสือสอบพรุ่งนี้ วันนี้กูเลยว่างยาว ๆ เลย "
โจ้มองตาผมหนึ่งครั้งก่อนจะขยับปากถามผมเบา ๆ แบบไม่มีเสียงว่า
' มันเอาอีกแล้วเหรอกันต์ '
' เออ ครั้งนี้กูเห็นไปหม่อสาวที่โรงเรียนข้าง ๆ ด้วย '
ต่างคนต่างมองตากันและก็รู้แล้วว่าคำตอบของเหนือสำหรับไทม์ตอนนี้เป็นแบบไหน
" ดี วันนี้กูกับไอ้กันต์จะไปB2S มึงไปด้วยไหม "
" เอาสิ กูจะไปซื้อพวกไฮไลท์ด้วย อันเก่าหมดไปเพราะทำสรุปให้เหนือหมดเลย "
" แล้วได้พักบ้างไหมเนี่ยไทม์ ถ้าฝืนตัวเองมากไปรู้ไหมว่ามันไม่ดี "
แต่เจ้าตัวกลับไม่ตอบอะไรผมเลย มันมีเพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นมาบนหน้าของไทม์ และรอยยิ้มนั้นเหมือนบอกเป็นนัย ๆ ว่า ไม่เป็นไรและไม่ต้องเป็นห่วง
" ว่าแต่ไทม์ทำสรุปอะไรให้เหนือมันอะ โจ้ไม่เห็นมันถือสรุปเลยสักครั้ง "
" ก็สรุปเคมีของครูเพชรไงโจ้ เห็นเหนือบอกว่าจะสอบบ่ายนี้ด้วยนะ มึงอ่านหนังสือไปยัง "
และเป็นอีกครั้งที่โจ้หันมามองผมก่อนจะทำหน้าตาเอือมระอาภายในวงแขนของฟางข้าวที่นั่งอ่านนิยายอยู่
" ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ นะไทม์ แต่เคมีครูเพชรไม่มีสอบในวันนี้ และมันก็โดดเรียนไปตั้งแต่คาบแรกเริ่มเลย กูไม่รู้หรอกว่าเหนือมันบอกอะไรมึงบ้าง แต่ถอยห่างออกมาจากมันได้ไหม พอกับมันแค่นี้เถอะ ถือว่าโจ้ขอ "
โจ้สาธยายออกมายาว ๆ และสั้นกระชับเข้าใจง่ายฉบับของคนที่พูดไปเรื่อยแบบโจ้ ก่อนที่มันจะออกจากแขนของฟางมานั่งจับมือไทม์เหมือนขอร้องสำหรับเรื่องที่พูดไปเมื่อตะกี้
" หมายความว่าไงอะโจ้ เมื่อเช้าเหนือก็มาส่งกูนะ เหนือมันจะโดดเรียนได้ยังไง "
" เราถึงไม่รู้ไงว่ามันบอกอะไรไทม์ไปบ้าง แต่ทั้งสัปดาห์นี้มันไม่เข้าเรียนสักวันเลย "
ไทม์ยังคงเป็นไทม์ที่มองมาทางผมเพื่อที่จะขอการยืนยันกับเรื่องที่โจ้พูด ถึงผมจะรักไทม์มากแค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่ายังไงไทม์ก็ต้องรู้อยู่ดี
" มันคือเรื่องจริงไอ้ไทม์ กูไม่เห็นเหนือเข้าเรียนตั้งแต่วันจันทร์ และช่วงพักเที่ยงบางวันกูก็เห็นเหนือปืนประตูออกไปหาผู้หญิงที่อยู่ข้างโรงเรียนเรา "
เหมือนกับถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นเมื่อไทม์เอื้อมือมากอดที่แขนขวาของผมพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลรินออกมาช้า ๆ ไม่มีเสียงสะอื้นให้ใครรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้ มันมีเพียงหยดน้ำตาเล็ก ๆ ที่ไหลรินออกมาตามหางตาเท่านั้น
" ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้ไทม์ แต่กูว่ามึงควรถอยห่างออกมาจากเหนือนะ ยังมีคนที่ดีกว่าเหนือมันรอมึงอยู่ตลอด "
' เหมือนกันต์ไง กันต์ที่ดีกว่ามัน กันต์ที่ไม่โกหกไทม์เลยสักครั้ง กันต์ที่รักแค่ไทม์มาตลอด คนที่ดีกว่ามันก็คือกันต์ เพราะงั้นเลือกกันต์บ้างเถอะนะ '
มันเป็นแค่ในความคิดที่อยากจะบอกความจริงที่ผมเก็บเอาไว้กับตัวมานานบอกอีกฝ่ายไป
แต่ฟางก็ยังคงส่งสายตาห้ามไว้ว่านี่ยังไม่ถึงเวลาของผม เพราะแบบนั้นผมทำได้แค่กอดปลอบและลูบหัวเพื่อให้ไทม์หยุดร้องและไม่เสียใจกับมัน
" เหนือ...จะโกหกกูไปกี่ครั้งกูไม่เคยว่าเหนือเลยนะ แต่ทำไมเหนือทำแบบนี้กับกูละกันต์ กูน่าเบื่อหรอเหนือถึงหันไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่กูอะกันต์ "
" ไม่ครับ ไทม์ไม่ได้น่าเบื่อนะ แต่เป็นเพราะความสนใจของเหนือมันลดลงเพราะคิดว่าถ้าคบกับไทม์ตัวเหนือจะเป็นที่รู้จักกับคนทั่วไปไง ไทม์ มึงไม่ได้น่าเบื่อเลยนะ "
อยากจะกอดปลอบ อยากจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว อยากจะบอกว่าผมอยู่ตรงนี้หันมาร้องไห้กับผมบ้าง อยากจะบอกว่าผมรักไทม์มากกว่ามัน แต่มันก็ทำไม่ได้เพราะมันเกินขอบเขตของคำว่าเพื่อน
...มันเหมือนกับป่าเขาวงกตที่แต่ละคนมีแผนที่ประจำตัว...
...เหนือมันใช้แผนที่ในการออกไปจากเขาวงกตนี้ให้ได้เร็วที่สุดไม่ว่าทางไหนก็ทางหนึ่ง...
...แต่ผม ใช้มันเพื่อเข้าไปหาไทม์ เข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของป่าเขาวงกตเพื่อตามหาไทม์มากกว่าที่จะออกไปแบบนับครั้งไม่ถ้วน...
...และ ไทม์ ไม่ได้ใช้แผนที่เพื่อออกไปเลย ไทม์แค่มีอัศวินมาพาตัวออกไปจากป่าเขาวงกตได้ง่าย ๆ โดยไม่เจ็บตัว...
...ต่างจากผมที่หลงมันมาไม่รู้กว่าสิบครั้งและออกไปไม่ได้เลย ถึงจะออกมาได้ผมก็ยังคงกลับเข้าไปใหม่ กลับเข้าไปเพื่อไทม์อีกครั้ง...
...แผนที่ของผมไม่ใช่หัวข้อของการออกจากป่าเขาวงกตนี่ ...
...ทว่าแผนที่ของผมมีหัวข้อคือไทม์ คือการตามหาตัวไทม์และอยู่ข้างเขาไว้ไม่ว่าเขาจะทุกข์หรือสุข ไม่ว่าเขาจะต้องการผมหรือไม่ต้องการ...
...ถึงแม้บางครั้งไทม์จะหายไปตลอดที่ผมมีความทุกข์ มีแต่ความเศร้าเสียใจแต่ไม่มีไทม์คอยอยู่เป็นเพื่อนเหมือนที่ผมทำกับเขา...
15:24 น.
" โหล โจ้เลิกยังเนี่ย ฟางรออยู่โรงอาหารใหญ่กับไอ้กันต์นะ อ่า..ไทม์เดี๋ยวไอ้กันต์มันจะโทรหาเอง "
เป็นเวลาเลิกเรียนตามปรกติที่ผมกับฟางจะเลิกเร็วกว่าห้องของโจ้และไทม์
" ฮัลโหล ไทม์จะเลิกเรียนตอนไหน อืม..เรากับฟางรอที่โรงอาหารใหญ่นะ อย่ารีบวิ่งจนล้มละ "
" ไทม์เลิกแล้วเหรอ "
" เออ วันนี้มีสอบย่อย พอใครสอบเสร็จครูแกก็ปล่อยเลยไทม์ว่ามางี้ "
" แล้วมึงจะเอายังไงกับไอ้เหนือต่อละกันต์ กูเตรียมสนับมือไว้ในกระเป๋าตลอดนะ "
" คงต้องไปถามมันถึงบ้านแล้วละฟาง แต่ถ้ามึงมากับกูสองคนไอ้โจ้ไม่ยอมแน่ "
" เออสิวะ ใครจะยอมให้ผู้หญิงคนเดียวของกูไปอยู่กับนักเลงแบบมึงกัน "
" แหม พูดออกมาไม่ดูตัวเองเลยนะว่าตัวเองมันนักเลงกว่ากันต์อีก "
ผมมองดูเพื่อนโจ้ที่หยิบอาวุธเสริมออกมาแยกและจัดยัดใส่กระเป๋านักเรียนผมเอาไว้สลับกับยัดใส่กระเป๋าของฟางด้วย
" กูขอบอกเลยนะว่าถ้ามันจะมาเล่น ๆ เหมือนคนอื่นกูเอามันตาย "
โจ้ว่าด้วยน้ำเสียงที่นิ่ม ๆ และนุ่มนวลแต่หากสายตามันนั้นเหมือนแค้นที่ต้องทำให้ของรักของตัวเองเสียหายหรือแตกหัก ทั้ง ๆ ที่มันควรจะห่วงเจ้าฟางมากกว่าไทม์สะอีก
" งั้นหลังกูส่งไทม์แล้วเจอกันที่ไก่ทอดหน้าปากซอย สั่งไก่กรอบให้กูด้วยสี่ชิ้น "
" แดกเยอะวะกันต์ หุ่นก็หมีอยู่แล้วอยากหมีเพิ่มหรอวะ "
" กูจะเอาตัวหมี ๆ ของกูนี่แหละไปทับมึงไอ้ฟางข้าว!! "
" เหนือ เวลานี้มึงไม่ไปรับแฟนมึงหรอวะ "
เพื่อนสักคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยปากถามดาวเหนือ เมื่อเห็นว่ามันเลยเวลาที่ควรจะเป็นเวลาเลิกเรียนและมันคงจะรีบวิ่งไปหาแฟนของตัวเองเพื่อไม่ให้จับได้ว่าตัวเองนอกใจมาตั้งแต่แรกแล้ว
" ไม่ว่ะ วันนี้กูโกหกไทม์มันไปแล้วว่ากูจะรีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือสอบ "
" ทั้ง ๆ ที่มึงไม่เคยแตะแม้แต่กระดาษหนังสือเลยเนี่ยนะไอ้เหนือ กูยอมมึงจริง ๆ "
และกลุ่มของดาวเหนือก็ระเบิดหัวเราะออกมากลางโรงอาหารของห้าง ฉับพลันเมื่อเหนือนั้นเป็นคนตบมุขของเพื่อนตนเอง
" แต่ทำแบบนี้มึงไม่สงสารไทม์บ้างเหรอวะ เขารักมึงมากเลยนะเหนือ "
" รักกูมาก ๆนั่นแหละดีแล้ว เพราะกูคบกับมันเพื่อต้องการเงินมากกว่าความรักที่มีให้กูต่างหาก "
ดาวเหนือก็ยังคงเป็นดาวเหนือที่ควงคนที่คบไปทั่วและนิสัยที่หลอกให้คนอื่นรักตัวเอง แต่ตนเองนั้นก็ไปหักอกพวกเขาทั้งหมด
ทว่าดาวเหนือนั้นจะรู้บ้างไหมนะว่ามีใครอีกคนหนึ่งที่ยืนหลบอยู่ถัดโต๊ะของดาวเหนือไปไม่ถึงสามโต๊ะ
ดาวเหนือจะรู้บ้างไหมว่ามีสายตาเฉียบคมอยู่สองคู่และสายตาที่โกรธแค้นมากกว่าคนที่ถูกพูดถึงอีกหนึ่งคู่
มันนับว่าเป็นความโชคดีของมันที่เวลานี้ไทม์ได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำและทั้งสามคนเลือกที่จะนั่งรอที่โรงอาหารของห้างแทนการยืนรอ
" เย็นไว้ไอ้กันต์ มึงอย่าพึ่งวู่ว่ามในตอนนี้เด็ดขาด "
โจ้ตบบ่าเพื่อนหุ่นหมีของเค้าเพื่อให้ใจเย็นและคุมสติไว้ไม่ให้หัวเสียไปกับคำพูดของดาวเหนือ
" ทำไมมันต้องทำแบบนี้วะโจ้ มันไม่ได้รักไทม์ตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ ทำไมคนแบบมันไทม์ถึงดูไม่ออกเลย "
" อาจจะเป็นเพราะก่อนคบมันคุยกับไทม์มาดีแล้วไงกันต์ ไทม์ถึงมองธาตุแท้ของมันไม่ออก "
ฟางข้าวพูดขึ้นมาในขณะที่มือแกว่งเจ้าแก้วน้ำชานมไข่มุกไปมาอย่างเอื่อยเฉื่อยและดูไม่หัวร้อนกับคำพูดของดาวเหนือที่มีต่อไทม์
" มึงอย่าลืมสิว่าไทม์ไม่ได้มองคนไม่ออก แต่เพราะไทม์อาจจะคิดว่าเหนือมันอาจจะบอกความจริงกับมันได้มันถึงรออยู่แบบนั้น "
บางทีการอธิบายของฟางข้าวมันอาจจะถูกต้องตามความรู้สึกของไทม์ เพราะเจ้าตัวรู้อยู่แล้วว่าดาวเหนือนั้นเป็นคนยังไงก่อนที่จะเริ่มคุยกัน
เพราะไทม์คิดว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ถ้าคบกับเค้าเอง
แต่หารู้ไม่ว่าที่ดาวเหนือเดินเข้ามาหาไทม์นั้นเพื่อมาเล่นกับความรู้สึกและหลอกเอาของที่รักไปไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือแม้กระทั้ง หัวใจ ก็ตาม
" มันจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันถ้ากูบอกความรู้สึกของตัวเองไปตอนนี้เลยจะได้ไหมฟาง "
" มึงคิดอะไรอยู่กูไม่รู้หรอกนะกันต์ แต่ถ้านั้นคือสิ่งที่มึงจะทำกูขอห้ามมึงเลยจะดีกว่าปล่อยให้ทำ "
" เพราะอะไรกันละฟาง ถ้ากูบอกไปตอนนี้ไทม์อาจจะคิดเหมือนกูและตัดไอ้เหนือออกไปได้ก็ได้นะ "
" นั่นมันคือความคิดแบบเด็ก ๆ ฉิบหายเลยว่ะกันต์ การที่มึงบอกความรู้สึกมึงออกไปใช่ว่าไทม์จะยอมคบกับมึงไหมอะ บางทีไทม์อาจจะบอกว่ามึงคือคนที่เขารักที่สุด แต่เขาแค่รักแบบเพื่อน ไม่ได้รู้สึกชอบกันแบบมึงเลยนะเว้ย "
แน่นอนว่าเวลานี้ทั้งสามคนเลือกที่จะเก็บของและเดินไปรออยู่หน้าห้องน้ำดีกว่านั่งรออยู่ตรงนี้ให้ไทม์มีเรื่องกับไอ้เหนือ
" และไม่ใช่ว่ากูไม่อยากให้มึงบอก แต่มึงควรที่จะดูสถานการณ์ด้วยว่าตอนนี้ไทม์รู้สึกยังไง ไทม์ยังคิดกับเหนือแบบไหน และที่สำคัญคือไทม์ได้รักมึงเหมือนที่มึงรักเขาหรือเปล่า "
" กูไม่ดูสถานการณ์ได้ไหม กูจะบอกความรู้สึกของกูออกไปตอนที่เขาเศร้าที่สุด เพื่อปลอบเขาได้ไหม "
" มันแปลว่ามึงยอมที่จะเพิ่มความกดดันให้ไทม์และยอมที่จะเห็นไทม์ตีตัวห่างออกจากมึงงั้นหรอ "
ฟางรู้ว่าเพื่อนหุ่นหมีของตัวเองนั้นมีความคิดที่บ้าและดื้อรั้น อีกทั้งยังคิดแต่ตื้น ๆ โดยไม่มองดูภาพรวมที่เป็นอยู่
" มึงเชื่อคำพูดของฟางเถอะนะกันต์ ฟางพูดถูกต้องอยู่แล้วไม่ใช่หรอว่าถ้ามึงทำแบบนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นไปบ้าง "
ไม่ใช่ว่าเพื่อนทั้งสองคนไม่อยากให้ตัวเค้าได้พบกับรักที่สมหวัง ทว่ารักที่สมหวังของเพื่อนมันจะยากลำบากว่าการเดินทางในเรื่องต่าง ๆ แบบนี้ต่างหากทั้งฟางและโจ้ถึงเป็นห่วงกันต์
" เออรู้แล้ว ไปหาไทม์ได้แล้ว กูเห็นออกมายืนมองหาเราตั้งนานแล้วนั่น "
ในเวลานี้มันเหมือนเป็นโลกสามโลกที่มีทางเดินทางที่แตกต่างกัน
...โลกแรกคือ โลกของไทม์ ที่ไทม์ยังคงไม่รู้ว่ากันต์รู้สึกแบบไหนกับตัวเองอีกทั้งยังคงไม่รู้ว่าแฟน หรือ ดาวเหนือ นั่นนอกใจตนเองไปตั้งแต่สัปดาห์แรกที่คบกัน...
...โลกสองคือ โลกของดาวเหนือ เป็นโลกที่ไม่มีตัวตนหรือความรู้สึกของไทม์อยู่ในโลกนั้นเลยแม้แต่น้อย ภายในนั่นมีเพียงความรู้สึกที่หวังคบเพื่อแก้เหงาเท่านั้น นอกจากนั้นมันก็คือความรู้สึกที่หักอกคนอื่นไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ความรู้สึกของไทม์ด้วยเหมือนกัน...
...โลกสุดท้ายคือ โลกของกันต์ มันคือโลกที่มีแต่ความรู้สึกของไทม์อยู่ข้างในนั้น ความรักที่มีให้เขา ความอยากปกป้องเขาแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการ ความอยากกอดปลอบตัวตนของเขายามที่เขาเศร้าหรือทุกข์โดยไม่สนว่าตัวเองนั่นเจ็บเจียนตายอยู่ ความอยากเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเขา ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่เข้ามาเพื่อแก้เหงามากกว่าความรักที่จริงจัง...
...ซึ่งแน่นอนได้แล้วว่าจุดมุ่งหมายของแต่ละโลกนั่นมันแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นทางที่ดีหรือทางที่แย่...
...มันขึ้นอยู่กับการอ่านแผนที่ที่อยู่ในมือในตอนนี้...
17:39 น.
" ขอโทษที่มาส่งช้านะไทม์ ไม่คิดว่าฟางมันจะชวนเล่นกันนานจนถึงห้าโมงแบบนี้ "
" น่า ๆ มันไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างมันก็สนุกดีไม่ใช่เหรอที่กูกับมึงได้ไปร้องคาราโอเกะด้วยกัน "
ไทม์ยิ้มออกมาเบา ๆ พลางเอื้อมมือออกไปลูบหัวของกัน์ที่ยังคงควบเจ้ามอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้านเขา
มันเหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับทั้งสองคนที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ไปทำในสิ่งที่ชอบด้วยกัน ถึงแม้จะไปกันในฐานะเพื่อนก็ตาม
" งั้นกูกลับแล้วนะ มึงก็เข้าบ้านไปอาบน้ำกินนมนอนซะล่ะ "
" กูไม่ใช่เด็กไหมอะกันต์ กูโตแล้วนะเว้ย "
ทั้งสองคนก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างเบาบาง และฉีกยิ้มให้กันหนึ่งครั้งก่อนที่กันต์จะขับรถออกไปหาฟางและโจ้ที่รออยู่ร้านขายไก่หน้าปากซอย
" ฮัลโหล กูออกมาแล้ว...ได้สั่งไก่ให้กูไหมล่ะนั่น เออ ๆ กำลังไปจ้าไอ้หน้าสัสนี่ "
ทางฝั่งของดาวเหนือ
" กลับกันได้แล้วพวกมึงอะ เดี๋ยวกลับค่ำก็โดนกักบริเวณอีกหรอก "
" เออ ๆ งั้นกูกลับเลยละกัน บายพวกมึง "
ระยะทางที่ดาวเหนือนั่นต้องขับรถกลับก็ถือว่าไกลพอควร และอาจจะกลับถึงบ้านนานไปหน่อยเพราะเขาาเจอไฟแดงติดกันหลายช่วงเลยทีเดียว
" โอ้โห้ นี่กะจะไม่ให้กูได้กลับไปเหยียบบ้านเลยหรือไงวะ "
เขาทำได้แค่บนไปพลาง ๆ รอไฟแดงเปลี่ยนสีแดงเป็นสีเขียวในบนท้องถนนตอนค่ำที่รถจะเยอะเป็นพิเศษ
18:07 น.
เป็นเวลาหกโมงกว่า ๆ ที่ดาวเหนือมาถึงบ้านที่คิดว่าไม่มีใครรออยู่ในบ้านเลยแม้แต่คนเดียว
แต่วันนี้มันไม่เหมือนที่ดาวเหนือคิด เพราะไฟในบ้านยังคงเปิดเอาไว้และมีเงาคนที่นั่งรออยู่ข้างในบนโต๊ะอาหารกลางบ้าน
" บ้าฉิบ กลับมาทำไมเวลานี้วะ ต้องโดนบ่นแน่ ๆ อีกเลยกู "
ดาวเหนือหยิบกระเป๋าและหมวกกันน็อคติดมือมาด้วยอย่างหัวเสียก่อนที่ะเปิดประตูเข้าไปทางหน้านบ้าน
" ไง กลับบ้านมาได้สักทีนะมึงเนี่ย "
ดาวเหนือผวาก่อนเล็กน้อยเพราะนี่มันไม่ใช่เสียงของคนในครอบครัวเขา และเท่าที่จำได้พ่อกับแม่บอกว่าจะกลับมาอีกทีเดือนหน้านี่ แล้วข้างหน้ามันเป็นใครกัน
" เห้ย ได้ยินที่พี่โจ้คนหล่อคนนี้พูดเปล่าไอ้น้องชาย "
" ใครน้องมึงก่อนไอ้สัสโจ้ และนี่พวกมึงเข้าบ้านกูมาได้ยังไงกันวะ!! กูจะแจ้งตำรวจว่าพวกมึงบุกรุกขึ้นบ้านกู!! "
" เห้ย ใจเย็นก่อนน้องชาย พอดีพวกกูสามคนมาหน้าบ้านมึงพอดีกับที่พ่อแม่มึงมาเอาของ ทีนี้พวกท่านก็ให้พวกกูเข้ามานั่งรอมึงในนี้ แบบนี้มึงแจ้งจับพวกกูไม่ได้นะจ้ะ "
ดาวเหนือเริ่มที่จะเสียศูนย์ขึ้นทีละนิดเมื่อเห็นสายตาและท่าทางของโจ้ที่กวนประสาทตนไม่เลิก
แต่ก็ยิ่งผว่ามากขึ้นกว่าเดิมเพราะเขาเหลือบไปเห็นกันต์ เพื่อนของแฟนตนเองและเพื่อนสาวของมันด้วยเหมือนกัน
" มึงมาบ้านกูทำไมกันต์ มึงต้องการอะไร "
" ไม่เห็นหัวกูกับฟางหน่อยเหรอวะ แบนี้มันขี้โกงกันนี่หว่า "
" มึงอย่ามากวนตีนกูตอนนี้ไอ้โจ้ ตอบมาสิกันต์ว่ามึงต้องการอะไรถึงมาที่นี่ด้วยตัวเองพร้อมเพื่อนมึงทั้งสองคน "
ดาวเหนือเขวี้ยงกระเป๋าเป้และหมวกกันน็อคของตนเองไปทางโซฟาที่ว่างอยู่และยกนิ้วชี้หน้าของกันต์ที่ตอนนี้นั่งนิ่งและไม่พูดจาเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย
" กูก็แค่มีเรื่องจะคุยด้วยแบบด่วนที่สุดเลยมาหามึงถึงบ้านก็แค่นั้น "
กันต์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงขอตนเองก่อนจะก้าวเท้าเดินไปหาดาวเหนือที่ยังชี้นิ้วใส่หน้าเขาอยู่ และมีทีท่าว่าจะไม่ลดนิ้วลงเลยแม้แต่น้อย
" กูอยากถามว่าทำไมมึงยังคบกับไทม์อยู่ทั้งที่มึงไม่ได้รักไทม์เลยสักนิด "
" อ่อ ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องของไอ้ไทม์นี่เอง ทำไม มึงอยากได้มันมากหรอวะ ถ้ามึงอยากได้มันมากมึงก็ไปเอากับมันเลยกูไม่ต้องการตัวมันอยู่แล้ว "
ดาวเหนือว่าพลางกระแทกน้ำเสียงใส่ในบางประโยคและแสดงท่าทีที่เหยียดชังต่อไทม์
" ถ้างั้นทำไมมึงไม่บอกเลิกไทม์แล้วไปหาคนใหม่กันวะเหนือ "
" ก็แบบนั้นมันจะไปสนุกอะไรวะกันต์ มึงรู้ไหมว่าการที่หลอกให้เขารักเราแล้วมาหักอกเขาที่หลังมันสนุกกว่าการคบกันเพราะรักกันแบบธรรมดาอีก "
ฟางเห็นเหนือพูดแบบนั้นก็สวมสนับมือเอาไว้พร้อมที่จะเล็งมันออกไปยังใบหน้าที่ทำหน้าตาภูมิใจในสิ่งที่ตนเองทำอยู่
แต่ก็โดนกันต์และโจ้ห้ามเอาไว้ก่อนที่จะเป็นกันต์เองที่พุ่งเข้าไปเล็งที่ใบหน้าของเหนือโดยไร้สิ่งของที่ช่วยเลย
" อั๊ก!! มึงเป็นอะไรวะ!! กูพูดผิดตรงไหนกันต์ และอีกอย่างนะที่กูคบกับไทม์เพราะกูอยากได้เงินของมันต่างหาก กุไม่ได้อยากได้ค- อั๊ก!! "
เหนือยังคงพูดไม่ทันขาดคำก็โดนหมัดของกันต์พุ่งเข้าใส่อย่างแรง
" มึงไม่บอกก็รู้ว่ามึงคบกับไทม์เพื่ออะไร แต่ที่กูทำลงไปมันแทนการที่มึงทำผิดกับไทม์ มึงไม่ได้ทำผิดกับคนที่กูรักแค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นยื่นใบหน้าของมึงออกมารับผลกรรมเดี๋ยวนี้ "
ในตอนนี้กันต์ได้เสียศูนย์ไปเป็นที่เรียบร้อยเพราะคำตอบของเหนือที่ตอบกลับออกมาในแต่ละคำถามมันเป็นคำตอบที่ดูทุเรศและไร้ยางอายมากกว่าที่เจ้าตัวเป็น
ศุกร์ 01:23 น.
...ติ้ด ติ้ด ติ้ด...
เป็นเวลาตีหนึ่งยี่สิบนาทีกว่า ๆ ที่กันต์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตนเองดักขึ้นมาบนหัวเตียงของเขา
" ฮัลโหลครับ กันต์พูด "
" ฮึก...กันต์...ฮึก ไทม์เองนะ...อึก "
จากที่กำลังปรับสายตาและสติให้คงที่กันต์ก็ได้สติกลับเข้ามาอย่างดีเมื่อได้ยินเสียงของไทม์ที่กำลังสั่นคลอนและร้องไห้อยู่
" โหล มึงเป็นอะไรไทม์ ใครทำให้มึงร้องไห้เนี่ย "
" เหนือ..ฮึก.. เหนือบอกเลิกกูแล้วอะกันต์ เหนือ..บอกว่ากูมัน...น่าเบื่อ "
ถึงแม้ในใจเค้านั้นจะดีใจที่เหนือเลือกที่จะปล่อยไทม์ไปเหมือนที่ตกลงกัน
แต่เขาก็รู้สึกเสียใจที่ต้องทำให้ไทม์ร้องไห้กับคำบอกเลิกของดาวเหนือ
" มึงไหวไหมไทม์ กูไม่รู้หรอกนะว่าเหนือบอกอะไรมึงแต่กูยังอยู่ตรงนี้นะ กูยังอยู่ข้างมึงแบบนี้ตลอดไปนะ "
" กู..ไม่ได้ร้องไห้เพราะเหนือบอกเลิกกูนะ...อึก..แต่กูร้องเพราะกูเสียความรู้สึกที่กูเคยเชื่อใจเหนือไปแล้วอะ "
" ...... "
" กูไม่ได้ขี้แยหรือร้องไห้กับเรื่องแค่นี้นะเว้ย...อึก...แต่กูแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเหนือต้องทำแบบนี้กับกูอะ..เหนือไม่เคยแคร์ความรู้สึกกูเลยเหรอวะ "
ในช่วงเวลานี้ผมปล่อยให้ไทม์ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจตลอดออกม
ผมไม่ได้ส่งเสียงหรือให้คำแนะนำไปนอกจากการขานรับเมื่อไทม์เรียกหา
' เหมือนผมมีค่าแค่กับเธอเวลาที่เธอเศร้าหรือร้องไห้เลยว่ะ '
" กันต์ กูไม่อยากรักใครแล้วกูเหนื่อย กูเหนื่อยที่ต้องปั้นหน้ายิ้มให้กับทุกคนที่เข้ามา....เข้ามาแบบไม่เคยแคร์ความรู้สึกของกูเลยสักครั้ง "
" งั้นพักไหมล่ะ พักเรื่องความรู้สึกของมึงไปก่อน พักเอาไว้จนกว่าบาดแผลที่มีอยู่มันจะหายไป ดีไหม? "
ไทม์ไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมามีเพียงเสียงอู้อี้ที่เหมือนขานรับกับสิ่งที่ผมบอกไป และเสียงสะอื้นไห้ที่ได้ยินมาแบบน้อยนิด
" แล้วมึงจะร้องไห้อีกทำไมเนี่ยไอ้ไทม์ เลิกเศร้าแล้วไปหาขนมกินซะไป๊! "
" กูจะอ้วนน่ะสิไอ้สัสกันต์!! ตอนนี้กูหนัก 57 แล้ว!! "
หนักถึง 57 แต่ทำไมเวลาผมอุ้มไอ้ไทม์ทีไรเหมือนมันหนักแค่ 49 เลยวะ ตัวอย่างแมวเวลาจับมันทีไร
" กิน ๆ ไปเหอะ เดี๋ยวค่อยมาลดพร้อมกูก็ได้ จะได้มีซิกแพ็คพร้อมกัน "
" มึงมีแต่กูไม่มีไงกันต์!! กูกินเยอะพร้อมมึง ลดพร้อมมึง สร้างกล้ามพร้อมมึง แต่กูก็มีแต่พุง!! ไหนความเท่าเทียมกันวะ!! "
" อ้าว เข้าสู่ช่วงรายการไทม์จะบ่นแล้วเหรอ "
ผมพูดออกไปพลางหัวเราะในลำคอเบา ๆ ในขณะที่นึกใบหน้าของอีกคนในเวลาที่ชอบบ่นนู้นบ่นนี้ไปเรื่อย
ใบหน้าที่ขมวดคิ้วหากันแต่ไม่เป็นปม ใบหน้าที่แก้มตอบขยับตามแรงสั่นไหวตอนที่ปากพูด และใบหน้าที่ดูฉุนเฉียวแต่ยังคงความน่ารักไว้กับใบหน้านั้นได้
" มันจริง ๆ เลยนะเว้ย ไม่ว่าจะทำอะไรพร้อมมึง มึงก็ทำได้แตกต่างจากกูที่ยังคงเหลือแต่พุงแล้วก็พุง "
" มึงไปแอบกินของหวานมาหรือเปล่าเถอะไอ้ไทม์ ไอ้เรื่องของกินมึงไม่ได้ควบคุมนะขอบอก "
" เออวะ กูไม่ได้คุมอาหารแบบมึงนี่หว่า งั้นรอบนี้มึงไม่ผิด ผิดที่กูเองที่ลืมคุมอาหารเหมือนมึง "
" อ้าว แล้วที่บ่นใส่กูมาเมื่อกี้คืออะไรอะไทม์ "
ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูน้อยใจเล็กน้อย แต่ไทม์นั่นไม่ได้ตอบกลับมาด้วยคำพูดเลย ไทม์ตอบกลับมาแค่เสียงหัวเราะที่แผดเสียงออกมาดังลั่นในสาย
" ถือว่าบ่นให้เมื่อก่อนที่ไม่ได้บ่นให้มึงไง "
" กูงอนมึงไอ้ไทม์ ไม่ต้องมายุ่งกับกูเลย อย่ามาจับกูด้วย "
" กูจะจับมึงได้ไงก่อนเอ่ย ห่างกันราวกับฟ้ากับเหวเนี่ย "
" ไทม์ กูมีเรื่องจะถาม "
จู่ ๆ ผมก็พูดออกไปโดยที่ตัวเองยังไม่รู้ว่าผมพูดอะไรออกไป แต่ผมก็พยายามที่จะประคองสติไม่ให้ทำตามไปด้านอารมณ์ที่มากกว่าเหตุผล
" ฮะ ถามไรวะ ถามมาเลย ๆ มันจะได้เข้าสู่ช่วงถามมาตอบไปกับนายไทม์สุดหล่อ "
" มึงหล่อน้อยกว่ากูอีกไอ้ไทม์ "
ผมส่ายหัวไปมาบนหมอนนุ่มเมื่อได้ยินนำเสียงที่ค่อนข้างจะกวนตีนทุกครั้งเวลาที่มันนอนดึกหลังเที่ยงคืนไป
" ถ้าสมมุติว่ามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเขามาบอกชอบมึง บอกชอบที่อยากเป็นแฟนไม่ใช่เพื่อน มึงจะตอบเพื่อนคนนั้นไปว่าอะไรวะ "
ผมเรียบเรียงคำพูดอย่างเบาบางก่อนที่จะพูดออกไปแบบเต็มเสียงเพื่อให้อีกคนในสายได้ยินเสียคำถามขอผม
" ไม่รู้สิ กูต้องดูก่อนว่าเพื่อนสนิทคนนั้นเป็นใครแล้วกูรู้สึกกับเขาแบบไหน ถ้ากูรู้สึกเหมือนเขากูก็จะบอกชอบกลับไป... "
" แต่ถ้าไม่ละ "
" ก็ตอบไปสิว่าไม่ได้ชอบและก็ขอโทษที่ทำร้ายความรู้สึกเพื่อนคนนั้น "
" ...... "
" ...... "
ผมเงียบไทม์ก็เงียบเหมือนกับผม ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อคำตอบของไทม์จบลง
" แต่ว่านะ...ถ้าเพื่อนคนนั้นเริ่มต้นด้วยการจีบกูในแบบที่กูรู้สึกไม่รำคาญ กูอาจจะชอบกลับก็ได้นะกันต์ "
" มึงพูดเหมือนมึงแอบชอบเพื่อนสนิทอยู่แบบนั้นเลย "
" ไม่ใช่แค่เหมือนหรอกนะกันต์ แต่กูอะแอบชอบเพื่อนสนิทคนหนึ่งอยู่จริง ๆ "
ในขณะที่ในใจรู้สึกดีใจเมื่อไทม์บอกว่าถ้าเริ่มต้นจีบตัวไทม์ มันอาจจะมีโอกาสติด
แต่ก็เหมือนฝนตกอยู่ในใจเมื่อมันตอบกลับคำถามผมมาว่า
...' แอบชอบเพื่อนสนิทคนหนึ่งอยู่จริง ๆ '...
มันเหมือนโดนมีดแทงแต่ไม่เจ็บมากถึงขั้นที่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน เจ็บแบบนิ่ม ๆ แต่มันแฝงไปด้วยความรู้สึกติดลบมหาศาล
" พอจะแอบใบ้ให้กูได้ไหมว่าคนที่มึงชอบคือใคร "
" ไม่ล่ะ เดี๋ยวมึงปากโป้ง เอาเป็นว่าถ้ากูมีความกล้าและจังหวะมันดีกูจะไปบอกด้วยตัวของกูเอง "
ไทม์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นแต่ผมกลับมีหยดน้ำตาไหลรินลงมาอย่างช้า ๆ ที่ตาข้างขวา
ทำไมถึงมีน้ำตาไหลลงมากันล่ะในเมื่อผมชินแล้วที่ไทม์มักจะบอกว่ามีคนที่แอบชอบและผมก็แอบชอบไทม์เองมาตั้งหายปีและเจ้าตัวดันไม่รู้ตัว
" งั้นก่อนวางมาฟังเพลงกันสักเพลงหนึ่งไหม "
" เอาดิ แล้วมึงจะฟังเพลงอะไรละ "
" เพลง Maps - Maroon5 "
ผมตอบไทม์กลับพร้อมเอื้อมมือไปเปิดเพลงที่ค้างอยู่ในไอแพดแล้วเป็นที่เรียบร้อย
และผมหวังว่าไทม์อาจจะรู้ตัวว่าผมหลงในป่าเขาวงกตของเจ้าตัวมาเป็นสิบรอบ
ถึงจะเคยออกมาได้ผมก็กลับเข้าไปใหม่ กลับเข้าไปเพื่อตามหาตัวไทม์ ถึงมันจะแค่เดินฝ่ากำแพงก็สามารถออกไปได้แล้ว
ทว่าหันกลับมาที่ผมที่ยังคงต้องวิ่งตามทางที่มีอยู่ทุกเส้นทางเพื่อออกไป
...I like to think through, we had it all...
...We drew a map to a better place....
...But on that road i took a fall Oh baby why did you run away....
...I was, there gon you in your darkest times...
...I was there gon you in your darkest nights....
เพลงเริ่มเดินมาถึงช่วงท่อนฮุคที่กำลังจะมา ในระยะที่ฟังมาผมไม่ได้สนใจเสียงของเพลงเลยสักนิด ผมสนใจแค่เสียงของไทม์ที่พยายามร้องเพื่อให้เข้าจังหวะให้ได้
ซึ่งมันก็เข้าจังหวะและเข้ากับเสียงร้องที่หวานละมุนของมันเหมือนกัน
...But i wander where were you when i was at my worst...
...Down on my knees and you said you had my back...
...So i wonder where were you all the roads you took came back to me...
...So i'm following the map that leads to you...
...The map that leads to you ain't nothing i can do...
...The map that leads to you following following following to you...
...The map that leas to you ain't nothing i can do...
...The map that leads to you following following following....
เนื้อเพลงท่อนฮุคนั้นดำเนินมาอย่างสนุกสนามตามท่วงทำนองของดนตรี และเสียงร้องของไทม์มันก็ดันเข้าจังหวะและลงตัวกับดนตรีของเพลงได้เป็นอย่างดี
แต่ถ้าหากไทม์ได้รู้ความหมายของเพลงมันจะร้องไห้อีกรอบไหมนะ แล้วมันจะรู้ไหมว่าที่เปิดให้ฟังในวันนี้เพราะอยากให้รู้ว่ากูติดอยู่ในเขาวงกตของมึงมานานแล้ว
และกูก็ตามหาตัวมึงไม่เจอสักที ออกมาหากูหน่อยได้ไหม ทางนี้หมดแรงจะก้าวเดินแล้ว
" ทำไมมันร้องยากจังว่ะกันต์ เพลงอย่างสนุกแต่ท่อนร้องเร็วฉิบ "
" มึงแค่ยังไม่ชินกันมันเฉย ๆ เถอะ อีกอย่างฝึกร้องไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ร้องได้แน่มึงอ่ะ "
" เคเลย เดี๋ยวกูฝึกบ่อย ๆ แล้วมาร้องให้มึงฟังนะ ตอนนี้วางก่อนเถอะ แม่งจะตีสามอยู่แล้วเนี้ย "
" จะตีสามแล้วเหรอวะ งั้นวางสายแล้วไปนอนเลยเถอะ "
ต่างคนต่างเก็บของที่ขนขึ้นมาบนเตียงทว่าทั้งสองไม่ได้วางสายใส่กันเพราะคิดว่าอีกคนวางให้แล้ว
" อ้าว ยังคาสายอยู่เหรอ งั้นกูวางแล้วนะกันต์ "
" เดี๋ยวไทม์ "
ผมร้องเรียกไทม์หนึ่งครั้งด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากและอยากที่จะบอกคำบางคำออกไป
' กูรักมึงนะไทม์ '
อยากจะบอกออกไปมากแค่ไหนแต่ตอนนี้มันยัไม่ถึงเวลาแบบที่ฟางข้าวเคยเตือนเค้าไว้
" ฝันดีนะ แล้วอย่าไปหาขนมมากินละ "
" เออน่า เชื่อใจกูได้เลยว่ากูไม่หาขนมมาลงท้องแน่ "
" ...... "
" แล้วก็ฝันดี ขอให้วันนี้มึงหลับฝันดีมากกว่าทุกวัน และขอให้ฝันถึงกูด้วย "
" แบบนั้นกูฝันร้ายแล้วละ "
" ไอ้สัส!!! "
ไทม์ตอบกลับมาด้วยคำด่าที่เสียงค่อนข้างจะดังและเงียบไปจนผมคิดว่ามันวางสายไปแล้ว
ภายในหัวย้อนน้ำเสียงที่บอกกล่าวเมื่อกี้กลับมาใหม่
กลับมาให้ได้ยินว่าไทม์ขอให้ฝันถึงตัวมันเอง ผมอมยิ้มเหมือนคนบ้าพลางคิดว่านี่มันคงจะเป็นฝันดีที่สุดในรอบหลายปี
ก่อนที่จะนอนผมก้าวขาออกจากเตียงและเปิดไฟฉายเพื่อส่องหาขวดน้ำที่อยู่ภายในห้องก็ต้องคิ้วขมวดเมื่อไทม์ยังคงค้างสายเอาไว้เหมือนเดิมและไม่มีทีท่าว่าจะวางสาย
" แล้วไมมึงไม่วางไทม์ "
" กูอยากค้างสาย ค้างสายแบบนี้ไปจนถึงเช้าหรือจนถึงโรงเรียนเลยได้ไหมกันต์ "
" เอาดิ ค้างแบบนี้ไปจนถึงโรงเรียนก็ได้ "
ศุกร์ 06:33 น.
" โหลๆ ไอ้กันต์ตื่นได้แล้ว มึงจะนอนหลับไปจนถึงเจ็ดโมงไม่ได้! "
ผมขยับเปลือกตาขึ้นลงเพื่อปรับแสงโฟกัสให้ชัดขึ้นและมองดูเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ส่องสว่างภายในห้องมืดที่มีแสงพร่ามัวใต้ผ้าม่านสีกรม
" มึงตื่นแล้ว...เหรอวะไทม์ แสบตาจังวะกู "
" กูแต่งตัวทำอะไรเสร็จทุกอย่างแล้วรออย่างเดียวคือกูรอมึงมารับเนี้ย!! ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้!! "
" จ้า ๆ กูลุกแล้วจ้า มึงรอกูหน้าบ้านได้เลยไม่เกิน 30 นาที "
" ไปอาบดี ๆ นะเว้ย อย่าแค่ล้างหน้าแล้วก็แวะซื้อเหนียวหมูให้ด้วย 20 บาท "
ผมหยิบผ้าเช็ดตัวพลางขานรับคำสั่งของไทม์แต่เช้า และเช้านี้ก็อาจจะเป็นเช้าที่ดีนะ
16:32 น.
" คือมึงจะบอกไทม์แบบนั้นจริง ๆ เหรอไอ้กันต์ "
ฟางถามอย่างแน่ใจอีกครั้งเมื่อผมมาถามคำถามบางอย่างกับมัน และมันก็เป็นคำถามที่ผมคิดทั้งคืน
" ก็อย่างที่บอกไป กูคิดว่าจะบอกไทม์วันนี้ตอนที่ไปส่งที่บ้าน "
" มึงพร้อมที่จะโดนคำตอบในสิ่งที่มึงไม่ได้หวังแล้วใช่ไหม "
" พร้อมดิ กูพร้อมมาก ๆ ถึงคำตอบมันจะออกมาไม่ได้ในสิ่งที่กูหวัง แต่อย่างน้อยกูก็ได้บอกไทม์ออกไปสักครั้ง "
" แล้วมึงคิดว่าตัวเองจะสู้คนที่ไทม์มันแอบชอบอยู่ไหวไหม "
เหมือนโดนตอกย้ำต่อหน้าคนนับล้านเมื่อคำถามนั่นถูกเอ่ยออกมา
" คิดว่านะ...คิดว่าน่าจะไหว "
17:32 น.
" ขอโทษนะไทม์ที่วันนี้มาส่งมึงช้าอีกแล้ว "
" ไม่เป็นไร ๆ อีกอย่างแม่กูไม่ห้ามแล้วนะ "
ผมมองดูไทม์ถอดหมวกกันน็อคให้ผมและเช็คดูสภาพของตนเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปเหมือนปกติ
แต่ที่ไม่ปกติคือผมเอื้อมมือออกไปเพื่อจับแขนเล็กแต่ดูมีน้ำมวลให้ร่างของอีกคนหันมาหาเขา
" คือ...กูมีเรื่องจะบอกมึงไทม์ "
" งั้นหรอ พอดีเลยที่กูก็มีเรื่องจะบอกมึงเหมือนกัน "
ทั้งคู่หันมาสบตากันหนึ่งครั้งก่อนที่กันต์จะเป็นฝ่ายพูดก่อน
" คือ กูชอบมึงไทม์ กูชอบมึงที่ชอบแบบเป็นแฟนไม่ใช่เพื่อน กูรู้ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับกูแต่ขอแค่ให้กูได้บอกมึงวันนี้ก็ดีแล้ว "
' บอกออกไปแล้ว กูบอกออกไปแล้วนะฟาง มึงเป็นกำลังใจไว้ให้กูที '
" อ้าว มันเป็นเรื่องเดียวกับที่กูจะบอกมึงเลยนี่ "
ไทม์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติติดทะเล้นและกันต์ที่ยังคงทำหน้าตาสงสัยกับสิ่งที่ไทม์พึ่งพูดออกมา
" หมายความว่าไงอะ ที่บอกว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน "
" ก็มันหมายความว่ากูก็ชอบมึงเหมือนกันไง ชอบที่ไม่ใช่แบบเพื่อน ชอบที่หมายถึงอยากเป็นแฟนกับมึง ชัดยัง? "
" ฮะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงบอกชอบกูกลับใช่ไหม กรี๊ดด!!! ในที่สุด!! "
กันต์ตกใจไม่เสียแรงก็เกิดการกรี๊ดขึ้นมาเหมือนผู้หญิงตกใจเรื่องบางอย่าง และตัวเค้าเองก็กระโดดไปมารอบตัวไทม์และรถที่จอดคู่กันไว้
" แล้วมึงจะกรี๊ดออกมาทำไมให้คนอื่นรู้ว่ามึงสาวแตกเนี้ยกันต์!! "
" ก็กูดีใจไงไทม์! มึงรู้ไหมว่ากูแอบชอบมึงมา 5 ปีเลยนะเว้ย!! "
" ก็ไม่ใช่แค่มึงคนเดียวไหมที่แอบชอบกูมา 5 ปี กูก็แอบชอบมึงตั้ง 6 ปีนะ "
" แล้วทำไมกูไม่รู้อะว่ามึงชอบ แล้วทำไมมึงถึงมีแฟนทั้งที่ยังชอบกูละ "
กันต์ร่ายคำถามสารพัดใส่ไทม์เมื่อตัวเค้าไม่สามารถที่จะเอ่ยปากเถียงได้ทันกันต์ที่แทบจะพูดเร็วจนลิ้นพัน
" ก็กูคิดว่าถ้ากูมีแฟนบางทีมันอาจจะทำให้มึงสนใจกูมากกว่าเก่าไง แต่พอมีแฟนแล้วโดนทิ้งมันก็รู้สึกหว่าเหว่แปลก ๆ ด้วย "
" งั้นแสดงว่าต่อจากนี้ไปทั้งกูและมึง เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม "
" อยากจะอยู่พื้นที่ friends zone อีกงั้นเหรอ "
" พอเถอะ กูไม่อยากก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในนั้นแล้ว "
กันต์ทำหน้าตาเอือมระอาหนึ่งก่อนจะโดนไทม์หอมแก้มซ้ายเข้าให้และเดินกลับเข้าบ้านไปเหมือนเดิม
" แล้วก็...พรุ่งนี้มารับกูไปเที่ยวนะครับ คุณแฟนของผม "
" เออ เดี๋ยวกูมารับมึงแน่นอนครับ คุณแฟนของกู "
สุดท้ายแล้วแผนที่ในมือผมมันก็ดูไร้ประโยชน์ลงไปในทันทีเมื่อป่าเขาวงกตที่อยู่มันเป็นกำแพงที่สูงเท่าหน้าขาและสามารถเดินข้ามพวกมันไปได้ในทิศทางที่ต้องการ
ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาคือให้รีบวิ่งออกไปจากเขาวงกตที่ยังสูงแค่หน้าขาให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้
ทว่าความคิดที่สองก็แล่นตามเข้ามาติด ๆ ว่าให้ตามหาตัวคนที่เราอยากเจอมากที่สุดที่ยังคงติดอยู่ในนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นความคิดทั้งสองก็ไม่ได้วิเคราะห์ว่าควรจะทำอันไหน บุคคลที่เฝ้ารอและยอมเจ็บเพื่อที่จะได้พบก็ปรากฏมาอยู่ที่ข้างหน้าของเขาเอง
เป็นฉัน ฉันจะเอาใบเลื่อยมาตัดกำแพงทิ้งสะ (ฮ่า ฮ่า)
ท้ายที่สุดที่ไม่ท้าย ถ้าชอบหรืออยากแนะนำในส่วนบรรยาย (ที่เราท้าทายตัวเองในการแต่ง) ก็สามารถคอมเมนท์และรีวิวให้ได้นะคะ ถือเป็นกำลังใจอย่างหนึ่งเลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments