แสงจากไฟตะเกียงถูกจุดขึ้นภายในกระท่อมไม้หลังเล็กท้ายหมู่บ้าน ชายวัยกลางคนเดินมานั่งที่โต๊ะภายในบ้านตรงข้ามบุตรสาวที่ยังคงมีน้ำตานองหน้า พร้อมทั้งแววตาที่ดูสับสน “พ่อคะ!! หนู….หนู คือใครคะ? แล้วแม่ของหนูใช่อย่างที่หนูคิดรึเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามผู้เป็นบิดาด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “อลิซ ฟังพ่อให้ดีนะลูก ลูกคือ…..ลูกของพ่อ กับราชินีแห่งป่าต้องห้าม” อลิซส่ายหน้า พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย“ไม่….ไม่จริงใช่มั้ย?” ชายวัยกลางคนยืนมือหยาบกร้านสากๆ มากุมมืออันแสนจะนุ่มนิ่มเล็กๆไว้ในอุ้งมือหนาใหญ่ “อลิซ ลูกจำนิทานก่อนนอนที่พ่อเคยเล่าให้หนูฟังได้มั้ย?” สาวน้อยจ้องมองหน้าพ่อด้วยความสงสัยพร้อมทั้งพยักหน้าแบบงง “พ่อ! พ่ออย่าบอกนะว่า นิทานเรื่องนั้นคือเรื่องของพ่อกับแม่และก็หนู” ใบหน้าใหญ่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่มั่นคง และค่อยๆพยักหน้าลงอย่างช้าๆ “ใช่แล้วจ๊ะ หนูจำมันได้มั้ยลูก?” เธอพยักหน้าน้อยๆ พร้อมทั้งนึกถึงนิทานของพ่อ “ค่ะ”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพรานป่าคนนึงไล่ตามกวางตัวใหญ่ไป ทำให้เขาพลัดหลงกับคณะพรานของหมู่บ้าน นายพรานคนนั้นยังคงไม่ลดละที่จะไล่ตามกวางตัวนั้น และทำให้เขาได้เข้าไปในอาณาเขตของป่าต้องห้าม ในขณะที่เขาเล็งลูกธนูไปยังกวางตัวนั้น ทันได้นั่นเอง เขาก็รู้สึกถึงแรงบีบรัดบนขาข้างซ้าย เมื่อเขาก้มหน้าลงไปมอง เถาวัลย์กำลังไต่ขึ้นมาบนขาซ้ายของเขา “อะไรว่ะเนี่ย? ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ?” เขาสบถออกมาพร้อมทั้งเก็บธนู แล้วหยิบมีดขึ้นมาเพื่อที่จะตัดมัน แต่เขาก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเถาวัลย์นั้นเบี่ยงตัวหลบคมมีด และมีอีกเถาว์นึงมามัดมือที่ถือมีดของเขาไว้ “เฮ้ย!!! อะไรว่ะเนี่ย?” เขาเริ่มดิ้นรนดิ้นรนหาหนทางรอดให้พ้นจากเถาวัลย์ที่พยายามเลื้อยพันรอบตัวของเขา แต่ยิ่งเค้าพยายามดิ้นรนเท่าไหร่ มันยิ่งรัดเขาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเริ่มหายใจไม่ออกและสติเริ่มเลือนราง ทันใดนั้นเอง เขาเห็นแสงสว่างสีฟ้าวาบ และเห็นภาพเลือนรางของหญิงสาวผู้หนึ่งก่อนที่เขาจะหมดสติไป
เปลือกตาหนาค่อยๆลืมขึ้น สายตาค่อยๆปรับแสงให้ภาพคมชัดยิ่งขึ้น เพดานหินที่มีเถาวัลย์ดอกไม้หลากสีเลื้อยประดับอยู่ รอบห้องๆก็เป็นหินที่มีเถาวัลย์ดอกไม้หลากสีเลื้อยประดับอยู่เช่นกัน เป็นความสวยงามที่ดูหรูหรา เข้ากับธรรมชาติดีมาก ชายหนุ่มหุ่นล่ำสันค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงเถาวัลย์อันแสนอบอุ่น แล้วเดินไปยังหน้าต่าง เมื่อเขามองไปรอบๆ ภายนอกหน้าต่างนั้น เบื้องหน้าเป็นภูเขาอันเขียวขจี มีแม่น้ำไหลผ่าน ดอกไม้ต่างแข่งกันเบ่งบานส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งหุบเขา เสียงสัตว์นานาชนิดที่ต่างพากันออกมาวิ่งเล่นหากินกันอย่างสนุกสนาน และที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ผู้คนที่นี่ใส่เสื้อผ้าสีขาวพาดไหล่ คาดเอวด้วยผ้าสีทองและสวมมงกุฎเถาวัลย์ดอกไม้ทั้งหญิงและชาย ดูแล้วแปลกตา เพราะเขาไม่เคยเจอผู้คนแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย บรรยากาศโดยรวมๆแล้ว ทำให้เขาหลงคิดไปว่าตนนั้นได้ตายไปแล้ว และกำลังอยู่บนสรวงสวรรค์ “เจ้าตื่นแล้วรึ?” เสียงใสอันแสนนุ่มนวลอบอุ่นนั้นปลุกเขาขึ้นจากภวังค์ เมื่อเขาหันไปตามเสียงนั้น เขาก็พบกับหญิงสาวงามรูปร่างสูงโปร่ง ทรวดทรงสมส่วน ผิวขาวเนียนละเอียด ผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีลอนยาวถึงสะโพก สวมมงกุฎเถาวัลย์ดอกไม้ที่มีหินสีฟ้าสว่างสดใสดุจน้ำแข็งและสีแดงดุจดั่งเลือดประดับอยู่ เฉกเช่นเดียวกับสีดวงตาของเธอ ดวงตาข้างซ้ายของเธอเป็นสีฟ้าและข้างขวาเป็นสีแดงดุจดั่งสีหินที่ประดับมงกุฎที่เธอสวมอยู่ ผ้าเนื้อชั้นดีสีขาวบางลู่ไปตามผิวของเธอ สายคาดเอวสีทองประดับภู่และกระพรวนส่งเสียงประสานดังไปทั่วยามเธอเคลื่อนไหว “ท…ท…ที่นี่…ที่ไหน? แล้วเจ้าเป็นใครกัน?” ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก ขณะที่สายตาของเขายังคงจ้องมองใบหน้าขาวๆ แก้มอมชมพูระเรื่อ จมูกโด่งคมสัน ปากกระจับสีชมพูอ่อนค่อยๆขยับอย่างหลงไหลในความงามของนาง “ข้าชื่อ เมอาร์ฟาร์เทีย เรียกว่าข้าว่า เมอาร์ ข้าเป็นเจ้าหญิงแห่งหุบเขาป่าต้องห้าม” “ห๊า?? เจ้าว่าไงนะ? ป่าต้องห้าม? เจ้าหญิง?” หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนมายังชายหนุ่มตรงหน้า “ใช่! ข้าคือเจ้าหญิง และที่นี่คือปราสาทหินแห่งป่าต้องห้าม แต่เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ ไม่มีใครในที่นี้ทำร้ายเจ้า ว่าแต่ข้าถามได้หรือไม่ว่า เจ้าเข้ามาทำอะไรในป่าต้องห้าม? หากข้าเจอเจ้าช้าไป เจ้าอาจจะตายไปเพราะเถาวัลย์เลือดสูบเลือดและเนื้อของเจ้าแล้วก็ได้นะ” ชายหนุ่มทำหน้าลนลาน พร้อมทั้งคุกเข่าลงคำนับแทบเท้าของเมอาร์ “ข้าขอพระราชอภัยโทษด้วยเพคะองค์หญิง ข้าแค่ไล่ตามกวางตัวหนึ่งมา และพลัดหลงกับนายพรานคนอื่นๆ ไม่คิดว่ากวางตัวนั่นจะพาข้าเข้ามาในเขตของป่าต้องห้าม” เมอาร์ยิ้มแล้วก้มลงมาแตะไหล่หนากว้างของเขา “ลุกขึ้นมาเถิด ข้าไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่สงสัยว่าเจ้าเป็นใคร และมีจุดประสงค์อันใดที่เข้ามาในป่าต้องห้ามแห่งนี้ เพราะป่าแห่งนี้เป็นที่รู้กันว่า ไม่ว่าผู้ใดที่เข้ามา จะไม่สามารถกลับออกไปได้อีกเลย หาใช่เพราะราชินีหรือชาวเมเดียร์ฆ่าพวกเขาไม่ แต่เป็นอันตรายจากป่าต่างหากที่ฆ่าพวกเขา ป่าแห่งนี้ผู้คนเคยเข้าออกได้ตามใจนึก แต่เป็นเพราะความโลภของพวกมนุษย์ที่เข้ามาช่วงชิงเวทมนต์ของสรรพสิ่งและทำลายทั้งสิ่งมีชีวิตในป่าแห่งนี้ ราชินีผู้ให้กำเนิดป่าแห่งนี้ จึงร่ายมนต์ให้ป่าแห่งนี้ปกป้องตัวของมันเอง นั่นทำให้ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายจากเวทมนต์และธรรมชาติของมัน เวลามีมนุษย์จากภายนอกย่ำกลายเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ไม่เคยมีผู้ใดรอดกลับออกไป แต่หากโชคดีเช่นเจ้า ที่พบเข้ากับข้าหรือชาวเมเดียร์ของข้า ก็มักจะรอดกลับออกไป แต่ก็น้อยครั้งนักที่จะเกิดขึ้น”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments