บทที่ 2

เสียงตะโกนเรียกจากด้านล่างของผู้เป็นแม่ดังขึ้น หญิงสาวใบหน้าสวยที่หลับใหลอยู่บนเตียงขนาดกลางค่อย ๆ ปรือตาขึ้นด้วยความรำคาญจากเสียงรบกวน มือขวายกขึ้นบังแสงแดงที่ส่องผ่านม่านเข้าแยงตา ก่อนจะ

ขยับตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมขยี้เส้นผมสีน้ำตาลไหม้อย่างงัวเวีย

เช้าอีกแล้วทำไมเวลานอนช่างสั้นแบบนี้นะ

“ยัยณินท์ทานข้าวได้แล้ว” เสียงผู้เป็นแม่ตะโกนดังจากข้างล่าง

“ค่า” จิรภาณินท์ตะโกนตอบ เธอขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงพลางถอนหายใจออกมาพร้อมหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ

เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำ สองเท้าเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะเลือกหยิบชุดเดรสสีดำ ออกมาเพื่อสวมใส่ เป็นวันที่น่าเบื่อสำหรับเธออีกวัน ถึงแม้ว่าจะเป็นงานที่สุจริต ใช่ว่าเธออยากจะทำแต่เพราะได้เงินดี งานสมัยนี้หายากจะตายไป ยิ่งสำหรับเธอแล้วถึงแม้ว่าจบมาได้สองปีแต่เธอก็ยังเลือกที่จะทำงานแบบนี้ต่อ ทั้งที่งานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสาขาที่เธอเลือกเรียนจบมาแม้แต่น้อย เพราะเธอเคยสมัครงานไปแล้วแต่ไม่มีการเรียกตัวเธอเข้างานทำรอแล้วรออีก ให้ทางบริษัทเรียกตัวเธอแต่กลับไม่มีวี่แววถึงสามเดือน

พริตตี้ งานที่เธอทำอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะเปลืองตัวไปสักหน่อย แต่ก็ยังดีกว่านั่งรอหางานที่ไม่มีวันจะได้สักที และวันนี้ก็เป็นวันที่ต้องไปงานมอเตอร์โชว์ ถ้าแม่ของเธอเห็นว่าเธอต้องแต่งตัวโป๊คงจะได้โดนบ่นอีกแน่

จิรภาณินท์หยิบเครื่องสำอางเติมแต่งบนใบหน้าบาง ๆ ก่อนจะหมุนตัวรอบกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายสีแดงเข้ากับชุดเดรสขึ้นมาพร้อมเดินออกจากห้องไป

เสียงฝีเท้าก้าวลงบันได ก่อนหยุดชะงักลงเมื่อเห็นผู้เป็นแม่มองด้วยสายตาขุ่นเคือง

“ณินท์แม่บอกกี่ครั้งแล้วใช่ไหม ว่าเลิกทำงานแบบนี้สักที”

หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะวิ่งลงมากอดผู้เป็นแม่ด้วยรัก

“โธ่แม่ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ณินท์ไม่ได้ไปทำอะไรผิดกฎหมายสักหน่อยนี่คะ อีกอย่างณินท์ขับรถไปเอง แม่ไม่ต้องห่วงณินท์หรอกนะคะ” สายพิรุณคนเป็นแม่ดันลูกสาวออกมองหน้าด้วยความลำบากใจ

“ถ้าพ่ออยู่ คงไม่ให้เราทำแบบนี้หรอก ดูสิ! ดูแต่งเนื้อแต่งตัว...”

“แม่คะ ณินท์เข้าใจค่ะ แต่ว่ามันเป็นงานที่ได้เงินดีนะคะ”

“เลิกทำงานแบบนี้ไม่ได้เหรอ”

สายพิรุณพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง อยากให้ลูกสาวคนเดียวเลิกทำงานที่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวแบบนี้

“ได้ไหม” คนเป็นแม่ถามย้ำอีกครั้งเพื่อรอฟังคำตอบ จิรภาณินท์ได้แต่ก้มหน้านิ่งเงียบไม่ยอมรับปาก สีหน้าเริ่มแสดงถึงความลำบากใจ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงให้มารดาเข้าใจ งานที่ทำไม่ใช่งานขายร่างกายสักหน่อย

“ณินท์”

“แม่คะ ณินท์ว่าเราค่อยคุยเรื่องนี้ดีกว่านะคะ วันนี้ณินท์มีงานค่ะ” เมื่อพูดจบหญิงสาวก้าวเท้าออกจากบ้านไปทันที แต่หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ต้องคอยปัดหลีกอยู่ตลอดเวลา บางทีถึงเวลาที่เธอต้องหางานใหม่ทำแล้วจริง ๆ ก็เป็นได้

 

 

 

 

รถยนต์คันหรูหยุดจอด ชายหนุ่มเปิดประตูลงขณะหันไปมองรอบสุสานทุกครั้งที่มาถึงเขาไม่เคยลืม ห้าปีที่ผ่านมาเป็นเวลาแสนจะยาวนาน ทุกวันที่เคยมีความสุข แต่เวลานี้...ว่างเปล่า ทั้งหัวใจและคนที่เขารัก

สายลมอ่อน ๆ พัดในยามเช้า แสงแดงส่องเข้าที่ใบหน้าด้านขวาของเขา สองเท้าก้าวเดินไปยังสนามหญ้า มือแกร่งถือช่อดอกไม้ในมือด้วยความทะนุถนอม เพียงแค่ไม่นานเขาก็มาถึงหน้าสุสานของพิศชามนต์

ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลง ฝ่ามือเอื้อมไปลูบชื่อที่สลักหน้าสุสานไปมาอย่างเชื่องช้า ไม่ต้องจดจำเพราะเขาจะไม่มีวันลืม

“มนต์ ภัทรมาหานะ” เสียงสั่นเอ่ยเบา ๆ ใบหน้าคมเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ไม่ว่านานแค่ไหน เขาจะรักพิศชามนต์เพียงคนเดียว

“มนต์ ภัทรคิดถึงมนต์นะ”

เวลานี้สมองเขากำลังนึกถึงเรื่องราวที่งดงามในอดีต เสียงหัวเราะที่คุ้นเคย รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจอบอุ่นตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ

พิศชามนต์กับเขาคบหาเมื่อเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รักครั้งแรก แต่ก็มั่นใจว่าพิเธอเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมทั้งครอบครัว ฐานะและการศึกษา ห้าปีกว่าปีที่รู้จักคบหากัน นานพอที่จะตัดสิ้นใจใช้ชีวิตคู่ได้

เขาจึงได้ขอแต่งงานในวันเกิดของพิศชามนต์ น้ำเสียงหวานตอบรับ

ตกลงแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันยังคงดังก้องอยู่เสมอ แต่ทำไมสวรรค์ถึงต้องพรากเธอไปจากเขา

ณัฐภัทรลืมตาขึ้น สูดหายใจเข้าพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า

“มนต์ ภัทรกลับก่อนนะ แล้วจะมาหาใหม่” ชายหนุ่มดันกายลุกขึ้น ใบหน้าคมที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำตา ผู้หญิงคนเดียวที่เขาร้องไห้ให้และจะเป็นคนสุดท้ายที่เขารักหมดหัวใจ

 

 

เสียงเพลงเปิดดังไปทั่วงาน จินดารัตน์นั่งอยู่ในงานกวาดสายตามองภายในงานอย่างไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ มอเตอร์โชว์ที่ไม่ค่อยจะมีผู้หญิงมาดูรถยนต์ สิ่งที่เธอเห็นมีแต่เพียงผู้ชายทุกอายุ ไม่ว่าจะเป็นอายุยี่สิบต้นจนไปถึงอายุห้าสิบปลาย ๆ แต่สายตาที่มองรถนั้นแทบจะไม่มีเลย

ทันทีที่แสงไฟบนเวทีใหญ่ดับลง สายตาทุกสายตาจับจ้องไปที่กลางเวทีด้วยความตื่นเต้น ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกชายของเธอเช่นเดียวกัน

ไฟกลางเวทีเปิดขึ้น ปรากฏร่างหญิงสาวใบหน้าสวย จมูกโด่งสวย รับริมฝีปากบางอิ่มสีชมพู ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางในชุดเกาะอกกางเกงขาสั้นสีดำพร้อมเสื้อคลุมหนัง ยืนคู่กับรถสีดำรุ่นล่าสุดประจำปีด้วยท่าทางที่ยั่วยวน

“สวัสดีครับ นี่คือรุ่นล่าสุดนำเข้าจากประเทศเยอรมนี” พิธีกรหนุ่มพูดลากเสียงยาว เมื่อพูดจบก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น แต่ทว่าทุกสายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่พริตตี้สาวไม่วางตารวมทั้งจินดารัตน์ด้วยเช่นกัน

“นี่แม่เพ็ญ พริตตี้ที่ยืนเกาะรถคนนั้นใครน่ะ” จินดารัตน์ถาม มองหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยอย่างชื่นชม

“ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เพ็ญว่าคุณแม่อย่าไปใส่ใจเลยดีกว่าค่ะ” เพ็ญรตีมองด้วยความไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ เธอไม่ชอบ พริตตี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้ายิ่งคุณแม่คิดแปลกจะหาสะใภ้เป็นพริตตี้ล่ะก็ ไม่มีทางยอมเด็ดขาด!

“ฉันก็เห็นว่าบางทีตาภัทรน่าจะสนใจผู้หญิงแบบนี้บ้าง” จินดารัตน์เอ่ยขึ้นหันหน้ามามองลูกสะใภ้

“ดีแล้วค่ะที่ไม่สน เพ็ญไม่เห็นจะชอบเลยค่ะ” เพ็ญรตีพูดน้ำเสียงดู

แคลนพลางส่งสายตารังเกียจไปที่เวที

“ก็ยังดีกว่าให้เจ้าภัทรจมปลักกับความทุกข์อยู่แบบนี้” เมื่อได้ยินเพ็ญรตีก็นิ่งเงียบ

ใช่! เป็นเรื่องจริง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าตอนนี้ ยังดีกว่าที่ลูกชายของเธอจมปลักกับความรักที่ไม่มีวันห้วนกลับคืน แต่เธอก็ไม่มีวันยอมรับลูกสะใภ้ที่ไม่มีหน้ามีตาในสังคมอย่างแน่นอน!!

“ตาทศ” จินดารัตน์เรียกลูกชายที่กำลังจ้องพริตตี้สาวไม่วางตาจนเพ็ญรตีจ้องบิดหูด้วยแรงหึง

“โอ๊ย ๆ เจ็บ!”

“เจ็บสิดีเผลอไม่ได้” เพ็ญตรีกัดฟันพูด สายตาจิกขู่ก่อนจะปล่อยมือออกจากหูคนเป็นสามี

“ว่าแต่คุณแม่มีอะไรครับ” ทศวรรษโน้มตัวลงไปหาพลางยกมือขึ้นลูบใบหูเพื่อบรรเทาความเจ็บ

“ฉันอยากรู้จักแม่พริตตี้ที่ยืนเกาะรถอยู่ ไปเรียกมาให้ฉันหน่อยล่ะกัน” ทศวรรษหันไปมองเวทีอีกครั้ง พริตตี้สาวที่ยืนอยู่ข้างรถได้เดินออกจากเวทีไปแล้ว

“คุณแม่คะ! เพ็ญไม่ยอมนะคะ” เพ็ญรตีร้องอุทานด้วยความตกใจ ทศวรรษมองผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจว่าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่

“เธอจะร้องโวยวายทำไมฉันก็แค่อยากรู้จัก” จินดารัตน์พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“คุณแม่คะ”

“ตาทศไปสิ ไปถามผู้จัดการสิ” เมื่อเป็นคำสั่งคนเป็นลูกชายก็ต้องเดินออกไป เขาไม่รู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่คงไม่คิดจะเอามาเป็นลูกสะใภ้จริง ๆ หรอกมั่ง

“คุณแม่คิดจะทำอะไรคะ? คุณแม่จะให้ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาแต่งกับตาภัทรไม่ได้นะคะ” เพ็ญรตีพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

“เรื่องนั้นเราค่อยมาว่ากัน ตอนนี้ฉันแค่รู้สึกถูกชะตาก็เท่านั้น” จินดารัตน์เอ่ย สายตาจ้องมองไปที่ที่หญิงสาวใบหน้าสวยยืนบนเวทีอีกครั้งถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าของร่างจะลงจากเวทีไปแล้วก็ตาม ถึงจะเป็นสะใภ้ได้แต่ใช่

ว่าหลานชายจะยอมเปิดใจง่าย ๆ

จิรภาณินท์เดินเข้ามาภายในห้องแต่งตัว มือขวายกขึ้นหมุนคอบิดด้วยความล้า หลังจากที่เธอยืนค้างท่าเดิมอยู่นาน หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้หน้ากระจกพร้อมถอนหายใจออกมา

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!