บทที่ 1
แสงไฟสลัวภายในห้องนอนขนาดใหญ่ ร่างของชายหนุ่มนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ใบหน้าคมเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เปลือกตาบีบหนารัดแน่น มือเกร็งยกขึ้นเพื่อคว้าบางสิ่งที่กำลังเดินจากไป
“มนต์ อย่าไปจากภัทร”
ชายหนุ่มละเมอพร้อมยกมือขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว
“มนต์ กลับมา กลับมา!”
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมเสียงลมหายใจหอบ สายตาคมมองไปรอบ ๆ ห้องที่คุ้นเคย ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เปียกเต็มไปด้วยเหงื่ออย่างเหนื่อยล้า
ฝันถึงอีกแล้ว ความเจ็บปวดยังคงซ้ำเหมือนเดิมไม่มีวันหาย อีกแค่วันเดียวทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งแบบนี้ ทำไมต้องพรากพิศชามนต์ไปด้วย
งานแต่งงานถูกจัดเตรียมมาเป็นอย่างดีร่วมสามเดือนขาดแต่เพียงเจ้าสาวในวันแต่งงาน จากงานแต่งกลับกลายเป็นงานอำลา ถ้าคืนนั้นไม่เกิดขึ้น ในเวลาแบบนี้เขาคงกอดพิศชามนต์อยู่ในอ้อมกอดทุกคืน ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง สองเท้าก้าวยาวเดินตรงไปที่ห้องน้ำ
สายน้ำจากฝักบัวค่อยไหลสู่ร่างกายแกร่งผิวสองสี ยกมือลูบใบหน้ากอนจะเอื้อมมือไปปิดฝักบัว กำปั้นแขนซ้ายยกขึ้นทุบกำแพงอย่างแรง หยดน้ำตาของลูกผู้ชายค่อย ๆ ไหลออกมา ห้าปีผ่านมาแล้ว แต่ก็ยังทำใจรับกับการจากไปของคนรักไม่ได้ การจากไปที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น...
ณัฐภัทรเดินลงมาจากบันไดด้วยสีหน้าที่หม่องคล้ำเช่นทุกวัน สองเท้าตรงไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง เอื้อมมือไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่เปิดอ่าน เพ็ญรตีมองใบหน้าคมลูกชายด้วยความเป็นห่วงและอดที่จะต่อว่าไม่ได้
“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้หาลูกสะใภ้ใหม่ได้แล้ว นี่มันก็ผ่านมาห้าปีแล้วนะ แม่หาให้ภัทรก็บอกว่าไม่ชอบ บอกให้หาเองภัทรก็บอกว่ายังไม่พร้อม” เพ็ญรตีเอ่ยขึ้น เพราะตลอดที่ผ่านมาห้าปีเธอพยายามทาบทามลูกคุณหนูของเพื่อนสนิทให้หลายต่อหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จสักครั้ง
“ไม่ว่านานแค่ไหน ผมก็ไม่มีวันลืมมนต์ได้หรอกครับแม่” เขากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและคิดถึงคนรักที่จากไป
“แล้วเมื่อไหร่จะมีเหลนให้ย่าสักที”
ณัฐภัทรหันไปมองย่าและบิดาก้าวเข้ามาพร้อมนั่งลงบนโต๊ะอาหาร
“ผมยังทำใจไม่ได้ครับ” คำตอบที่ดูเหมือนคนหมดหวัง แต่คนเป็นย่าเมื่อฟังแล้วถึงกับโมโหขึ้นทันที
“ไม่ได้! ห้าปี มันนานเกินไปแล้ว จะให้ย่านอนตายตาหลับได้ยังไง” ณัฐภัทรยังคงนิ่งสงบ
“คุณแม่คะใจเย็น ๆ ค่ะ” เพ็ญรตีพูดห้ามด้วยความห่วง
“ใจเย็น ฉันเย็นมามากพอแล้ว! ต่อไปนี้จะไม่มีอีก!”
จินดารัตน์ผู้เป็นย่าพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หากเต็มไปด้วยความห่วงหลานชายไม่แพ้กัน
“คุณแม่คะ” เพ็ณรตีเรียก
“ไม่ต้องเข้าข้างเลย แม่เพ็ญรตี” เงียบไร้เสียงตอบ
“วันนี้ไปกับย่า มีนัดดูตัว”
ณัฐภัทรถึงกับมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ไม่ว่าอีกสักร้อยครั้ง พันครั้งก็
ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถแทนพิศชามนต์ได้!
“ผมไม่ไป วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของมนต์ ผมคงไปกับคุณย่าไม่ได้หรอกครับ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งปนเศร้า
“หึ!”
“ถ้าเป็นวันนี้ยังไงก็เป็นคำตอบเดิม เพราะผมถือว่าคุณย่ารู้อยู่แล้ว” เขาตอบก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะอาหารไป ทั้งที่อาหารเช้ายังคงเต็มจานอยู่เหมือนเดิม
ใบหน้าเหี่ยวย่นของจินดารัตน์เต็มไปด้วยความโกรธ มองหลานชายเดินออกไปจนลับสายตา ก่อนจะหันมามองหน้าลูกชายและลูกสะใภ้ด้วยความขุ่นเคือง
“ดูสิ...แม้แต่ฉันยัง...” จินดารัตน์พูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห
“คุณแม่ครับ ก็เจ้าภัทร มันดื้อจะตายคุณแม่ก็รู้นี่ครับ แล้วนี่นัดเขาแล้วไม่ไปจะไม่น่ารังเกียจหรอครับแม่” ทศวรรษรู้ว่าหลังจากลูกชายเสียคนรักไปเมื่อห้าปีก่อน ก็ไม่คิดที่จะมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย แม้กระทั่งนัดดูตัวกับฝ่ายหญิงเพื่อหาลูกสะใภ้เข้าบ้านแต่ก็ไม่ได้ผล ในทางกลับกัน ลูกชายเขายิ่งไม่ยอมฟังเข้าไปใหญ่ ทุกคนในครอบครัวก็ต่างเข้าใจว่าทำใจไม่ได้ แต่นี่นานเกินมากพอแล้ว
“ฉันพูดเล่นเฉย ๆ ยังไงก็รู้ว่าเจ้าภัทรไม่ยอมไปอยู่แล้ว” จินดารัตน์ถอนหายใจออกมาแล้วพูดต่อไปว่า “แต่เราจะต้องหาวิธี!”
ลูกชายและลูกสะใภ้หันมามองเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย
“เราหรือคะคุณแม่” เพ็ญรตีถาม ไม่คิดว่าครั้งนี้แม่สามีจะเป็นคนเอ่ยปากหาคู่ให้ลูกชายเธอด้วยตัวเอง
“ก็ใช่นะสิ จะใครที่ไหน” จินดารัตน์ตอบ สายตาบ่งบอกถึงความตั้งใจเป็นที่สุด หากแต่ลูกชายและลูกสะใภ้กลับมองหน้ากันทำตาปริบ ๆ
จะรอดไหมงานนี้! เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาล้มเหลวไม่เป็นท่า
“งั้นผมไปงานมอเตอร์โชว์ก่อนนะครับ”
ทศวรรษพูดพร้อมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร คนเป็นแม่ได้ยินแล้วเฉย ๆ แต่คนเป็นภรรยาได้ยินถึงกับควันออกหู
“คุณจะไปหาเด็กสาว ๆ ใช่ไหม!” เพ็ญรตีรีบพูดดักคอสามี
“เปล๊า ผมก็แค่ไปดูรถ ไอ้พริตตงพริตตี้ไม่เคยมองสักครั้ง”
ทศวรรษตอบเสียงสูงพร้อมส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่มองแต่จ้องซะนาน คุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง! หา!”
เพ็ญรตีเดินเข้าไปลากหูของคนเป็นสามีนั่งลงกับโต๊ะ
“โอ๊ย! เจ็บนะคุณ” ทศวรรษร้องอวดโอย
“กินข้าวซะ ไม่ต้องไปกินอาหารตา!”
จินดารัตน์ส่ายหน้าหัวเราะ ทว่าถ้าไปงานมอเตอร์โชว์ล่ะก็ จะมีลูกคุณหญิง คุณนายสวยๆ ถ้าเกิด ... ได้มาเป็นหลานสะใภ้สักคน ก็คง ...
“ฉันจะไปงานมอเตอร์โชว์” เสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นด้วยความแน่วแน่ ทศวรรศและเพ็ญรตีหันมามองพร้อมกันด้วยความสงสัย
“คุณแม่จะไปทำไมคะ” เพ็ญรตีถามด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่เธอมาเป็นลูกสะใภ้เธอไม่เคยเห็นแม่สามีออกปากไปงานมอเตอร์โชว์สักครั้ง
“ฉันจะไปหาลูกสะใภ้!” จินดารัตน์ตอบ
“หาลูกสะใภ้!” ทศวรรษและเพ็ญรตีอุทานพร้อมกัน มองใบหน้าของผู้เป็นแม่ยิ้มออกมาอย่างมีแผน
“ใช่แล้ว!”
“เออ... แล้วคุณแม่คงไม่เอาพริตตี้มาเป็นลูกสะใภ้หรอกนะคะ” เพ็ญรตีถามอย่างกล้ากลัว ๆ
“ใครจะไปเอา ฉันจะไปดูว่าคุณหญิงคุณนายมาบ้างไหมจะได้ทาบทามได้” จินดารรัตน์พูด มองหน้าลูกสะใภ้พลางนึกถึงคิดในใจเงียบ ๆ
“อ้อ เพ็ญก็นึกว่าคุณแม่ ...”
“แต่ฉันว่าจะเป็นพริตตี้ก็ดีนะ” จินดารัตน์เผลอพูดความคิดของเธอออกมาอย่างพอใจ แต่คนเป็นลูกสะใภ้กลับร้องห้ามทันที
“ไม่ได้นะคะคุณแม่ ผู้หญิงพวกนั้นไม่คู่ควรกับตาภัทรค่ะ” น้ำเสียงดูแคลนของเพ็ญรตี ทำให้จินดารัตน์มองหน้าด้วยความไม่พอใจ
เธอต้องการที่ให้ลูกชายของเธอแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีพร้อมเท่านั้น!
“ถึงจะเป็นผู้ดีตระกูลสูงหรือจน ฉันก็ยินดีรับเป็นหลานสะใภ้ หากทำให้เจ้าภัทรยอมแต่งงานด้วย!”
ฝากคอมเม้นต์ด้วยนะคะ จะทยอยมาอัปให้ค่ะ
ติดตามผลงานผ่านทาง Facebook : Mamaya writer ได้นะคะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 14
Comments