พวกลูกสัตว์นำทางพวกเขาลึกเข้าไปในป่า และมาหยุดตรงต้นไม้ขนาดมหึมาต้นหนึ่ง มันใหญ่เหมือนอยู่มานับพันปี ตรงลำต้นมีโพรงขนาดใหญ่ที่ผู้ใหญ่สี่คนสามารถเดินได้สบาย ข้างในโพรงนั้นมืดจนมองอะไรไม่เห็น แจ็คเกอร์ลองยื่นคบไฟเข้าไปดูแต่ก็มีเพียงความมืดเท่านั้น
"เรานำทางพวกคุณมาได้แค่นี้ มังกรอยู่ในนั้น” ลูกสัตว์บอกพวกเขาพลางชี้เข้าไปในโพรง
“มังกรตัวขนาดมหึมาจะอยู่ในโพรงต้นไม้ได้ยังไง” เลโอพูดขึ้น “นายว่าไง แจ็คเกอร์?”
“ฉันได้กลิ่น ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่มีมังกรอยู่ในนี้จริงๆ” แจ็คเกอร์พูด
“พวกเธอจะไม่ไปกับพวกเราต่อเหรอ?” แมรี่ถามลูกสัตว์ “ในป่าอันตราย ไปกับพวกเราดีกว่านะ”
“มีอะไรบางอย่างเตือนว่าพวกเราไม่ควรเข้าไป” ลูกเสือพูด
“ป่าอันตราย แต่ด้านในอันตรายมากกว่า” ลูกจิ้งจอกพูด
“เอ๊ะ หมายความว่าไงกัน” แมรี่ถาม
“ฉันเองก็รู้สึกได้” แจ็คเกอร์พูดขึ้น
“สัญชาตญาณของสัตว์ไวกว่าของมนุษย์ มีบางอย่างเตือนว่าไม่ควรเข้าไป อาจจะเป็นมนตราของป่าหลบซ่อนอยู่ด้านในก็เป็นได้ ให้พวกเขาอยู่ที่นี่เถอะ ที่นี่น่าจะปลอดภัยสำหรับพวกเขามากกว่า”
“งั้นฉันต้องจากกับพวกเธอแล้วสินะ” แมรี่ดึงลูกสัตว์ทั้งสองมากอด
“ฉันคงจะคิดถึงพวกเธอ”
“ตัวคุณอุ่นเหมือนแม่เลย เราเองก็คงจะคิดถึงคุณ” พวกลูกสัตว์ตอบ
ในที่สุดคณะเดินทางก็ได้แยกทางกับพวกลูกสัตว์ และเดินทางเข้าไปในโพรงต้นไม้ โพรงนั้นมืดและทอดยาวลึกเข้าไปด้านในอย่างไม่น่าเชื่อ เกือบพักใหญ่กว่าพวกเขาจะเห็นแสงสว่างของทางออก
หลังจากหลุดพ้นออกมาจากโพรงต้นไม้นั้นได้ เบื้องหน้าที่พวกเขาเห็นคือป่าที่ส่องแสงระยิบระยับและสว่างไสว ต้นไม้ขึ้นโปร่งโล่งสบาย พื้นดินเต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวชอุ่ม และมีดอกไม้ต่างๆมากมายขึ้นเรียงรายเต็มไปหมด ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยมวลหมู่ผีเสื้อบินกันว่อน ในอากาศมีแสงระยับระยับสวยงาม ต้นไม้ใบหญ้าเคลื่อนไหวตามสายลมราวกับป่ากำลังร้องเพลง อย่างกับพวกเขาได้หลุดเข้ามาในดินแดนแห่งเทพนิยาย
“ว้าววว สวยจัง” แมรี่พูดขึ้น
“หนูไม่เคยเห็นที่ไหนสวยเท่าที่นี่มาก่อนเลย” แมรี่วิ่งออกไป ผีเสื้อหลากสีฝูงใหญ่มาบินอยู่รอบๆตัวเธอ เธอรู้สึกว่านี้เป็นสวรรค์
“สุดยอดเลย ที่นี่สวยจริงๆ” เลโอพูดขึ้น
“มันคงไม่ใช่มนตรา เพราะฉันสวมผ้าคลุมอยู่แต่ก็มองเห็น”
“ไม่จริง ป่านี้ต้องเป็นมนตราแน่นอน เพราะโลกหยุดเวลาอยู่ ไม่ควรจะมีสิ่งใดเคลื่อนไหวได้แม้กระทั้งสายลม สัญชาตญาณของฉันบอกว่าที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ” แจ็คเกอร์พูดขึ้นทำให้เลโอรู้สึกตัว
“งั้นนี่ต้องเป็นมนตราที่แข็งแกร่งมาก เราต้องเตือนแมรี่” เลโอพูดจบก็หันมองหาแมรี่
แต่ไม่ทันการ แมรี่หายไปจากตรงนั้นแล้ว
ในตอนที่แมรี่วิ่งไปกับฝูงผีเสื้อ จู่ๆเธอก็สะดุดล้มในที่ๆไม่มีอะไรเลย และกลิ้งตกลงไปในหลุมขนาดยักษ์หลังพุ่มไม้ เธอร่วงลงไปในหลุม ร่วงลึกลงไปๆ แมรี่คิดว่าเธอคงต้องตายแน่แล้ว ก่อนที่กองหญ้าแห้งนุ่มๆจะรองรับเธอไว้
แมรี่ลืมตาขึ้นพบว่าเธอนอนหงายอยู่บนกองหญ้า เด็กหญิงมองขึ้นไปด้านบน เธอเห็นจุดสว่างเพียงนิดเดียวเท่านั้น นั่นคงเป็นหลุมที่เธอตกลงมา เธอร่วงลงมาลึกขนาดนี้เลยเหรอ โชคดีที่มีกองหญ้าแห้งรองรับไว้เธอจึงไม่เป็นอะไร แบบนี้ไม่มีทางเลยที่เธอจะกลับขึ้นไปได้
ทันใดนั้นแมรี่ก็เหลือบไปเห็นโพรงที่ซ่อนอยู่ทางด้านซ้าย เป็นเพราะหญ้งแห้งบังอยู่ทำให้เธอมองไม่เห็นมันในตอนแรก
ทำไมตรงนี้ถึงมีหญ้าแห้งอยู่ได้ คงไม่ใช่ว่าเป็นบ้านของตุ่นยักษ์เหมือนในนิทานหรอกนะ แมรี่คิดอย่างสนุก เธอไต่ลงมาจากกองหญ้าแห้งพลางสำรวจเส้นทางนั้น ถ้ามันเป็นบ้านของตุ่นยักษ์จริง นี่อาจจะเป็นทางออกไปสู่ด้านนอกก็เป็นได้
“ฉันต้องรีบกลับขึ้นไป ไม่อย่างนั้นพวกแจ็คเกอร์จะเป็นห่วง”
ว่าแล้วแมรี่ก็ออกเดินตามทางนั้นทันที
...-ที่ด้านบน-...
“ทำไงดี แจ็คเกอร์ แมรี่หายไปแล้ว!!!”
แจ็คเกอร์หลับตา ก่อนจะสูดกลิ่นในอากาศ
“เธอยังอยู่ใกล้ๆนี่ อยู่ข้างล่าง ตอนนี้กำลังเคลื่อนไหว ตามเธอไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ??”
กลับมายังใต้ดิน แมรี่เริ่มรู้สึกเหงา เมื่อก่อนเธอสามารถเดินทางคนเดียวได้สบาย แต่หลังจากเจอพวกแจ็คเกอร์ การเดินทางคนเดียวกลับทำให้เธอต้องเหงาขนาดนี้ นานแล้วที่เธอไม่ได้อยู่คนเดียว อย่างน้อยเธอก็อยากให้เจ้ามังกรอยู่กับเธอด้วย
แมรี่เดินต่อไปเรื่อยๆ ในอุโมงค์ใต้ดินมีทางแยกหลายทางให้เลือก เธอจะเลือกทางที่กว้างกว่าเสมอ จนถึงตอนนี้ทางเดินกว้างจนเกือบจะเป็นห้องโถงแล้ว แมรี่รู้สึกว่ายิ่งเธอเดินก็ยิ่งไร้ทางออก เพราะยิ่งเดิน ทางแยกก็ยิ่งมีมากขึ้น เหมือนเธอหลงทางอยู่ในเขาวงกต แต่โลกหยุดเวลาอยู่ เธอมีเวลาที่จะหาทางออกจากที่นี่อีกมาก เธอต้องใจเย็นๆ ถึงจะปลอบใจตัวเองอย่างนั้นแต่จริงๆแล้วแมรี่รู้สึกเหงา ยิ่งเธอคิดถึงเลโอ แจ็คเกอร์ และมังกร เธอก็ยิ่งเหงามากขึ้น ในที่สุดแมรี่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น
แมรี่ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่แล้วในตอนที่ใครคนหนึ่งมาจับไหล่ของเธอ
“สวัสดีจ๊ะ แม่หนู เธอมาทำอะไรที่นี่คนเดียวเหรอ”
แมรี่หันไปมองเห็นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอคลุมผ้าคลุมไว้ทำให้มองเห็นหน้าตาไม่ชัด แมรี่มองเห็นเพียงปากที่สวยได้รูป และผมยาวสีน้ำตาลที่โผล่พ้นผ้าคลุมลงมาเท่านั้น
“คุณเป็นใครกันคะ?”
“ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่สิ ฉันตกลงมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว แต่หาทางออกไม่ได้เลยอาศัยอยู่ที่นี่ เธอเองก็ตกลงมาเหมือนกันเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ หนูตกลงมา แต่หนูคงอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ หนูต้องกลับไปหาเพื่อนๆของหนูค่ะ”
“โอ้ หนูมีเพื่อนด้วยเหรอ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเพื่อนๆของหนูคงจะมารับ หนูร้องไห้เพราะคิดถึงเพื่อนนี่เอง งั้นให้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนหนูจนกว่าเพื่อนๆจะมารับไหม”
หญิงสาวคนนั้นยิ้มให้แมรี่ ปากนั้นสวยได้รูป แมรี่คิดว่าเธอต้องเป็นคนสวยมากแน่ๆ ถ้าเพียงเธอเอาผ้าที่คลุมหัวออก
“ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณใจดีจัง”
“เพื่อเป็นการตอบแทน หนูช่วยเล่าเรื่องเพื่อนๆของหนูให้ฟังหน่อยได้ไหมจ๊ะ ฉันไม่ได้ฟังเรื่องเล่าจากใครมานานมากแล้ว” หญิงสาวคนนั้นนั่งลงข้างๆแมรี่
“ได้แน่นอนค่ะ”
ว่าแล้วแมรี่ก็เล่าเรื่องของเลโอและแจ็คเกอร์ให้หญิงสาวคนนั้นฟัง ตั้งแต่ที่ได้เจอกันจนกระทั่งเธอตกลงมาในหลุม
“งั้นเหรอ ตอนนี้โลกหยุดเวลาอยู่ บางทีใต้พื้นดินอาจจะอยู่นอกเหนือการหยุดเวลา ฉันถึงได้เคลื่อนไหวได้” หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากฟังแมรี่เล่าจบ
“หนูเองก็ไม่แน่ใจค่ะ บางทีถ้าถามเลโอกับแจ็คเกอร์ พวกเขาคงรู้” พอพูดถึงพวกแจ็คเกอร์แมรี่ก็น้ำตาซึมอีกครั้ง
“อย่างน้อยถ้าเจ้ามังกรอยู่กับหนูด้วยก็คงจะดี ปกติมันจะเกาะอยู่บนหัวฉันตลอดเลยค่ะ หนูคิดถึงมันจัง”
หญิงสาวคนนั้นลูบหัวแมรี่เพื่อปลอบโยนก่อนจะพูดขึ้นว่า
“...หนูอยากเจอมังกรเหรอ?”
“ค่ะ หนูอยากเจอมัน หนูรักมันมากเลยค่ะ” แมรี่พูดพลางทำหน้าเศร้า
“ข้างล่างนี่เองก็มีมังกรอยู่ตัวหนึ่ง ถ้าหนูคิดถึงมังกรของหนู หนูจะไปดูมันแทนก่อนก็ได้นะ”
“เอ๋ จริงเหรอคะ? ที่ว่ามีมังกรอยู่ข้างล่างนี่”
“จริงจ๊ะ มันนอนอยู่ที่นี่เนิ่นนานแล้ว ฉันไม่อยากเห็นหนูทำหน้าเศร้าเลย เพราะงั้นฉันจะพาหนูไปเจอมัน”
หญิงสาวพาแมรี่ไปเจอมังกร พื้นที่ตรงนั้นเป็นเหมือนห้องโถงกว้าง เหนือขึ้นไปบนเพดานมีโพรงขนาดใหญ่ทำให้แสงสว่างส่องลงมาเผยให้เห็นพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นหนาม ต้นหนามเหล่านั้นพันกันเป็นกระจุก แน่นอนว่าตรงกลางนั้นมีมังกรตัวหนึ่งถูกทำให้หลับไหลอยู่
“ทำยังไงถึงจะช่วยมังกรอกมาได้? หนูไม่มีเครื่องมือเลย”
“ง่ายมากเลย ต้นหนามพวกนี้มีจุดอ่อนอยู่ ถ้าเพียงหนูหงายกิ่งมันขึ้นมาแล้วจั๊กจี๊มัน มันก็จะอ่อนแรง หนูก็จะดึงมันขึ้นออกมาได้ง่ายๆเลยล่ะ”
“เอ๋! มีวิธีง่ายๆแบบนี้ด้วยเหรอคะ ถ้าเป็นวิธีนี้หนูทำได้แน่” แมรี่ยิ้มอย่างร่าเริง เธอไปคว้ากิ่งหนามและเริ่มจั๊กจี้มัน กิ่งหนามบิดด้วยความทรมานก่อนจะเริ่มเหี่ยวเฉาไปทีละกิ่ง ในที่สุดแมรี่ก็จั๊กจี้ต้นหนามจนมันหายไปจนหมด เหลือเพียงมังกรที่นอนอยู่ตรงนั้น
“เจ้ามังกร ตื่นได้แล้ว” แมรี่เรียกพลางเขย่ามังกร มังกรท่าทางงัวเงียค่อยๆพยุงตัวขนาดมหึมาของมันขึ้น มันมีหนังสีแดงตะปุ่มตะปั่ม ดวงตามีแววซุกซน มันก้มลงมองแมรี่อย่างสนใจ
“เย้! เจ้ามังกรตื่นแล้ว” แมรี่กระโดดอย่างดีใจ พลางวิ่งมากอดหญิงสาวคนนั้น
“ขอบคุณมากเลยค่ะ เป็นเพราะคุณแท้ๆ” แมรี่พูด
“แค่หนูขี่เจ้ามังกรแล้วบินขึ้นไปหนูก็ออกไปจากที่นี่ได้แล้วล่ะ” หญิงสาวพูด
"ฉันคงต้องบอกลาหนูแล้ว มาสิ ฉันจะช่วยพยุงตัวหนูขึ้นหลังมังกร”
“คุณจะไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอคะ?” แมรี่ถามขณะหญิงสาวคนนั้นช่วยดันตัวเธอขึ้นบนหลังมังกร
“ฉันอยู่ที่นี่จนเคยชินแล้วจ๊ะ หนูไปเถอะ” ว่าแล้วหญิงสาวคนนั้นก็ส่งสัญญาณให้มังกร มังกรเริ่มกระพือปีกและบินขึ้น
“อ๊ะ! เดี๋ยวก่อนค่ะ หนูยังไม่รู้ชื่อของคุณเลย!!” แมรี่ตะโกน
เด็กหญิงเห็นหญิงสาวตอบกลับมาแต่เธอไม่ได้ยิน เสียงกระพือปีกของมังกรกลบเสียงนั้นจนหมด แรงลมจากปีกได้พัดเอาผ้าคลุมหน้าของหญิงสาวหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม แมรี่รู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านั้นยิ่งนัก แต่ก่อนจะทันคิดอะไร มังกรก็พาเธอทะยานขึ้นมาสู่โลกด้านบน
ที่ด้านบนมีพวกแจ็คเกอร์รออยู่แล้ว มังกรพาเธอร่อนลงกับพื้น ก่อนที่แจ็คเกอร์จะบอกให้มังกรย่อตัวให้เล็กลง ในที่สุดพวกเขาก็ได้มังกรตัวที่สองมา และได้เดินทางออกมาจากป่าแห่งนั้น แต่สิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของแมรี่คือใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น แม้ได้เห็นเพียงชั่ววูบ แต่มันเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย
ไม่ผิดแน่ เธอต้องเคยเห็นใบหน้านั้นมาก่อน...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments